“อนุทิน” จุดพลุวันผังเมืองโลก เร่งส่งเสริมใช้พลังงานสะอาด/พลังงานทางเลือก
กรมโยธาธิการและผังเมือง จัดงานสัมมนาเนื่องในวันผังเมืองโลก 2566 เรื่อง “SHAPING THE FUTURE : URBAN PLANNING FOR CLIMATE CHANGE ADAPTATION” อนาคตออกแบบได้ : พลิกโฉมผังเมืองรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดึงผู้เชี่ยวชาญร่วมแลกเปลี่ยน เสนอแนะให้ความรู้มุ่งเน้นการพัฒนางานผังเมืองให้สอดคล้องกับ SDGs
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง (ยผ.) จัดสัมมนาทางวิชาการเนื่องในวันผังเมืองโลก เรื่อง “SHAPING THE FUTURE : URBAN PLANNING FOR CLIMATE CHANGE ADAPTATION” อนาคตออกแบบได้ : พลิกโฉมผังเมืองรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดึงผู้เชี่ยวชาญทั้งภาครัฐ – ภาคเอกชนมาร่วมแชร์ประสบการณ์ แลกเปลี่ยนแนวคิด สู่การพัฒนางานผังเมือง ในการออกแบบและสร้างสรรค์เมืองในอนาคต ให้สามารถตอบโจทย์ทั้งในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศให้มีความเข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตนเองและปรับตัวได้ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน พร้อมก้าวไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวรายงาน พร้อมด้วย Mr.Remco van Wijngaarden เอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย Mr.Heinrich Gudenus ผู้แทนจาก Deutsche Gesellschaft für Internationale Zusammenarbeit (GIZ) GmbH Mr.Christopher Kaczmarski ผู้แทนจาก Economic And Social Commission For Asia And The Pacific (ESCAP) Mr.Haruka Ozawa เลขานุการโทเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น Mr.Srinivasa Popuri ผู้แทนจาก United Nations (UN) สหประชาชาติ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง และนางสาวอัญชลี ตันวานิช ที่ปรึกษาด้านการผังเมือง ร่วมงานสัมมนา ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ปัจจุบันทั่วโลกต่างประสบปัญหาวิกฤตการณ์เปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในภูมิภาคต่าง ๆ กระทรวงมหาดไทยมีนโยบายหลายอย่างที่ตอบสนองต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด และพลังงานทางเลือก การออกแบบและสร้างพื้นที่กักเก็บน้ำ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนมีวิถีชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่เมื่อพูดถึง “การออกแบบผังเมือง” ก็พบว่าเรายังมีงานอีกมากที่ต้องทำ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบผังเมืองให้เอื้อต่อการเดินทางโดยใช้พลังงานน้อยที่สุด ผังเมืองที่ดีในหลายประเทศจะส่งเสริมให้คนเดินทางด้วยการเดินเท้า หรือโดยจักรยานได้มากขึ้น อาคารต่าง ๆ ในเมืองจะต้องสร้างบนวัฒนธรรมการออกแบบที่คำนึงถึงการประหยัดพลังงาน
นอกจากนี้ เมืองยังต้องคำนึงถึงการจัดการระบบการไหลเวียนของน้ำ เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า การป้องกันและจัดการกับอุทกภัยอย่างมีประสิทธิภาพ และการจัดการขยะอย่างเป็นระบบ เพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเธน ส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน และให้ความสำคัญกับสังคมผู้สูงอายุ แน่นอนว่า ถ้าเรามีเมืองที่ว่างเปล่า และเริ่มสร้างทุกอย่างจากศูนย์ ภารกิจนี้ก็คงไม่ยาก แต่ความท้าทายอยู่ที่เราต้องบริหารจัดการเมืองที่มีวิวัฒนาการของตัวเองไปไกลแล้ว ให้มาอยู่ในวิถีของ “การพัฒนาอย่างยั่งยืน” จึงต้องมีทั้งการจัดการทางกฎหมาย การรณรงค์ให้ความรู้ผู้คนและกระบวนการดำเนินการตามวิถีใหม่ ที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
งานสัมมนาในครั้งนี้มีหัวข้อที่สอดคล้องกับ “ความเป็นไป” และ “ความจำเป็น” ของโลกเป็นอย่างยิ่ง อันที่จริงผมเกรงว่าจะช้าไปด้วยซ้ำที่เราจะมาพูดถึงการออกแบบผังเมือง เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกันในวันนี้ อย่างไรก็ดี “ไม่มีคำว่าสายเกินไป” นะครับ ในกระทรวงมหาดไทยเอง ก็มีนโยบายหลายอย่างที่ตอบสนองต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด และพลังงานทางเลือก การออกแบบและสร้างพื้นที่กักเก็บน้ำ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนมีวิถีชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
แต่เมื่อพูดถึง “การออกแบบผังเมือง” ก็พบว่าเรายังมีงานอีกมากที่ต้องทำ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบผังเมืองให้เอื้อต่อการเดินทางโดยใช้พลังงานน้อยที่สุด … ผังเมืองที่ดีในหลายประเทศจะส่งเสริมให้คนเดินทางด้วย “การเดินเท้า” หรือโดยจักรยาน ได้มากขึ้น … อาคารต่าง ๆ ในเมืองจะต้องสร้างบนวัฒนธรรมการออกแบบที่คำนึงถึงการประหยัดพลังงาน … นอกจากนี้ เมืองยังต้องคำนึงถึงการจัดการระบบการไหลเวียนของน้ำ เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า การป้องกันและจัดการกับอุทกภัยอย่างมีประสิทธิภาพ และการจัดการขยะอย่างเป็นระบบ เพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเธน และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน
แน่นอนว่า ถ้าเรามีเมืองที่ว่างเปล่า และเริ่มสร้างทุกอย่างจากศูนย์ ภารกิจนี้ก็คงไม่ยาก แต่ความท้าทายอยู่ที่เราต้องบริหารจัดการเมืองที่มีวิวัฒนาการของตัวเองไปไกลแล้ว ให้มาอยู่ในวิถีของ “การพัฒนาอย่างยั่งยืน” จึงต้องมีทั้งการจัดการทางกฎหมาย การรณรงค์ให้ความรู้ผู้คนและกระบวนการดำเนินการตามวิถีใหม่ ที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
“ผมหวังว่าโครงการสัมมนา “อนาคตออกแบบได้: พลิกโฉมผังเมืองรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองจัดขึ้นเนื่องในวันผังเมืองโลกในครั้งนี้ จะเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญจากทุกภาคส่วนได้ใช้เป็นเวทีแลกเปลี่ยน เพื่อให้เกิดข้อเสนอแนะที่จะเป็นการตอบโจทย์ความท้าทายที่กล่าวมาได้เป็นอย่างดี”
นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมโยธาธิการและผังเมือง ดำเนินการจัดสัมมนาทางวิชาการเนื่องในวันผังเมืองโลกอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อเผยแพร่และแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการผังเมือง ตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนรวมทั้งประชาชนได้ตระหนักถึงบทบาทและความสำคัญของการผังเมือง โดยมุ่งเน้นการพัฒนางานผังเมืองให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ประกอบด้วย 17 เป้าหมาย ครอบคลุมทั้งมิติเศรษฐกิจ มิติสังคม มิติสิ่งแวดล้อม มิติความมั่นคงและยุติธรรม และมิติความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ในประเทศและระหว่างประเทศในการเป็นหุ้นส่วนการพัฒนา
สำหรับการจัดงานในวันนี้กำหนดจัดขึ้นในหัวข้อ เรื่อง “SHAPING THE FUTURE : URBAN PLANNING FOR CLIMATE CHANGE ADAPTATION” “อนาคตออกแบบได้ : พลิกโฉมผังเมืองรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” เนื่องจากปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลก ได้เกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ไม่ว่าจะเนื่องจากความผันแปรตามธรรมชาติ หรือกิจกรรมของมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่ทำให้องค์ประกอบของบรรยากาศเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และส่งผลกระทบไปสู่เมืองที่ประชาชนอาศัยอยู่ การสัมมนาในวันนี้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนและรับฟังความคิดเห็นจากหลายภาคส่วน ในการคิดวิเคราะห์ ออกแบบเมือง และขับเคลื่อนงานด้านผังเมือง งานด้านการพัฒนาเมือง ซึ่งมีส่วนช่วยบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ให้มีความยืดหยุ่นในทุกด้าน ส่งผลให้เมืองเกิดนวัตกรรมใหม่ในหลากหลายมิติ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้ประชาชนมีชีวิตที่ดี สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปลอดภัย
โดยในวันนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากร ซึ่งเป็นผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา มาร่วมแบ่งปันแนวคิดในการออกแบบสร้างสรรค์เมือง เพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ อาทิ
– การบรรยายพิเศษ เรื่อง “การน้อมนำศาสตร์พระราชาตามแนวพระราชดำริ “การพัฒนาภูมิสังคม” จัดทำ “ผังภูมิสังคมชุมชน” เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขในกระบวนการพัฒนาอย่างยั่งยืน” โดย นายคณิต ธนูธรรมเจริญ ผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในหน้าที่ฝ่ายศึกษาและพัฒนาป่าไม้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และที่ปรึกษาอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง
– การบรรยายพิเศษ เรื่อง การพัฒนาเมืองและนโยบายสาธารณะกับการเปลี่ยนแปลงของโลก โดย นายชยดิฐ หุตานุวัชร์ นายกสมาคมสถาบันทิวา
– การบรรยายพิเศษ เรื่อง โลกร้อนทะเลเดือดกับการวางผังเมืองริมทะเลไทย โดย ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณะบดีฝ่ายกิจการพิเศษ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
– การเสวนา เรื่อง “SHAPING THE FUTURE : URBAN PLANNING FOR CLIMATE CHANGE ADAPTATION” โดย 1. คุณรสริน อมรพิทักษ์พันธ์ ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาแนวทางและเพิ่มศักยภาพการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม 2. คุณกชกร วรอาคม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท Landprocess จำกัด 3. รศ.ดร.วิจิตรบุษบา มารมย์ หัวหน้าหน่วยวิจัยอนาคตและนโยบายเมือง แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 4. รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ รองประธานกรรมการมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ 5. ผศ.พิเชฐ โสวิทยสกุล ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย
จึงมั่นใจได้ว่าการสัมมนาครั้งนี้จะบรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้ โดยมีผู้เข้าร่วมการสัมมนา ณ โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ จำนวนประมาณ 400 คน และสามารถเข้าร่วมผ่านระบบออนไลน์พร้อมกันทั้งในประเทศและต่างประเทศ
กรมโยธาธิการและผังเมืองหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านที่เข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนี้ จะได้รับความรู้ และมีความเข้าใจงานด้านการผังเมือง และการพัฒนาเมืองมากยิ่งขึ้น จากกิจกรรมต่าง ๆ ในงานที่อัดแน่นด้วยนักวิชาการที่มาร่วมเปิดมุมมองใหม่ ๆ ในการออกแบบเมืองในอนาคต ให้เป็นเมืองที่พึ่งพาตนเอง และปรับตัวได้ในสถานการณ์ของโลก ที่เปลี่ยนแปลงไป ประชาชนดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข พร้อมก้าวสู่การพัฒนาเมืองที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง