สจล.บูรณาการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์เมืองเก่าจันทบุรี
สจล.เร่งปิดจ็อบ โครงการ “แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่ออนุรักษ์คุณค่าอัตลักษณ์และภูมิปัญญาด้านที่อยู่อาศัยและมรดกวัฒนธรรมท้องถิ่นเพื่อการท่องเที่ยวยั่งยืน และเชื่อมโยงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก : กรณีศึกษากลุ่มเครือข่ายท้องถิ่น ย่านชุมชนเก่าเมืองจันทบุรี (จันท์ช่วยจันท์)” เผยบูรณาการร่วมพันธมิตรขับเคลื่อนและต่อยอด
ผศ.ดร.ปูรณ์ ขวัญสุวรรณ หัวหน้าชุดโครงการ แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่ออนุรักษ์คุณค่าอัตลักษณ์และภูมิปัญญาด้านที่อยู่อาศัยและมรดกวัฒนธรรมท้องถิ่นเพื่อการท่องเที่ยวยั่งยืน และเชื่อมโยงเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก : กรณีศึกษากลุ่มเครือข่ายท้องถิ่น ย่านชุมชนเก่าเมืองจันทบุรี (จันท์ช่วยจันท์) จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เปิดเผย UCD News ว่า ทั้ง 6 โครงการย่อยมีความคืบหน้าอย่างมากแต่ยังไม่สมบูรณ์ 100% เนื่องจากยังต้องรับฟังความเห็นประชาชนในพื้นที่เป็นครั้งสุดท้ายตามสัญญา ล่าสุดทางหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่(บพท.) เห็นชอบให้เลื่อนส่งมอบโครงการออกไปอีก 2 เดือนจากเดิมมีกำหนดส่งมอบโครงการในวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 นี้เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19
โดยภายหลังการนำเสนอรายงานความก้าวหน้าระยะ 6 เดือนเสร็จเรียบร้อยแล้วได้มีการปรับแก้ไขหลายประเด็นตามที่ผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละท่านให้ความเห็นต่อโครงการดังกล่าว ส่วนความเคลื่อนไหวในพื้นที่นั้นช่วงที่ผ่านมาอยู่ระหว่างการเลือกตั้งของท้องถิ่น ขณะนี้ได้ความชัดเจนแล้วว่าผู้บริหารของท้องถิ่นได้กลับมาขับเคลื่อนเรื่องนี้ต่อไป
สำหรับผลกระทบจากโควิด-19 รอบที่ 3 นี้พบว่าทางชุมชนก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วยส่วนหนึ่งนั้นคงต้องปรับปรุงให้สอดคล้องอีกครั้ง ร้านค้าในตลาดปิดตัวไปในที่สุดเนื่องจากได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ เบื้องต้นนั้นช่วงนี้คงต้องเตรียมความพร้อมของชุมชนหากพ้นวิกฤติโควิด-19 ไปแล้วจะพร้อมเปิดรับฟังความเห็นได้ทันที ทั้งนี้จะเข้าไปดำเนินการกับหน่วยงานเทศบาลตำบลหนองบัวนำร่องไปก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมไว้เนื่องจากผู้บริหารเทศบาลตำบลหนองบัวได้ความชัดเจนจากการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นแล้ว
“นายกเทศมนตรีตำบลหนองบัวคนปัจจุบันได้ร่วมกิจกรรมขับเคลื่อนเรื่องนี้ด้วยกันมานาน เพียงแต่ต้องเข้ามาปรับโครงสร้างองค์ประกอบการขับเคลื่อนโครงการให้เดินหน้าต่อไปได้ โดยเฉพาะการต่อยอดวิสาหกิจชุมชนควรจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไม่สะดุด ซึ่งโครงการของบพท.ครั้งนี้จะเป็นส่วนช่วยผลักดันให้อีกหลายโครงการก้าวไปสู่ความสำเร็จได้อีกทางหนึ่งด้วย”
ประการสำคัญเนื่องจากเป็นวิสาหกิจชุมชนที่อยู่ระหว่างการสืบทอดจากคนรุ่นเก่าสู่คนรุ่นใหม่ โดยคนรุ่นใหม่ต้องการยกระดับให้รัฐวิสาหกิจก้าวไปสู่ความสำเร็จที่สูงขึ้นและยั่งยืน จึงต้องค่อยปรับระยะเวลาให้สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้จริง
สำหรับความโดดเด่นของพื้นที่โครงการมีส่วนดีหลายประการทั้งมีความเหมาะสม มีวัตถุดิบในการส่งเสริมอย่างสินค้าชุมชน พืชผักผลไม้ ภูมินิเวศน์ สภาพแวดล้อม เป็นมรดกของชุมชนได้เป็นอย่างดี ขอเพียงได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จได้อย่างยั่งยืนเท่านั้น
บรรจุไว้ในแผนพัฒนาเทศบาล-อบจ.
“ขณะนี้โครงการเข้าสู่การบรรจุไว้ในแผนการพัฒนาพื้นที่ของเทศบาลตำบลหนองบัวและองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี (อบจ.)ไว้พร้อมแล้ว ส่วนผลของการวิจัยต้องการให้ยกระดับไปสู่ความยั่งยืนได้จริง เป็นรูปธรรมมากกว่าปัจจุบันนี้ เป็นโจทย์ที่ดำเนินการในปัจจุบัน ดังนั้นเทศบาลจึงเข้ามาร่วมขับเคลื่อน ในส่วนหน่วยงานภายนอกที่จะประสานเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงช่วยกันขับเคลื่อนโครงการ ซึ่งก่อนนี้ได้เคยร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาแล้ว ที่กำหนดแผนพัฒนาทั้ง 7 ย่านชุมชนเมืองเก่าจันทบุรีไว้แล้ว โดยบพท.เห็นว่าควรขับเคลื่อนพื้นที่ชุมชนหนองบัวนำร่องไปก่อนด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน เพื่อให้ทั้ง 7 ชุมชนร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่เมืองควบคู่กันไปได้”
นอกจากนั้นทางโครงการยังได้พันธมิตรเข้ามาร่วมขับเคลื่อนโครงการจากมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี ที่จะเข้ามาสนับสนุนองค์ความรู้และงบประมาณได้อีกช่องทางหนึ่งจึงครบถ้วนทั้งองค์ความรู้ บุคลากรและงบประมาณเพื่อเดินหน้าผลักดันโครงการสู่ความสำเร็จต่อไปได้จริง โดยเฉพาะการช่วยเติมเต็มในหลายๆส่วนให้โครงการครบถ้วนสมบูรณ์มากขึ้น อีกทั้งยังมีหน่วยงานจากโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดจันทบุรีเข้ามาร่วมด้วย เนื่องจากจะเกี่ยวข้องกับกลไกการพัฒนาพื้นที่เชิงกายภาพ
“ดังนั้นได้ 3 -4 หน่วยงานเข้ามาร่วมสนับสนุนจึงเห็นว่ามีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการขับเคลื่อนโครงการนี้รอผ่านพ้นโควิด-19 ไปแล้วจะเดินหน้าโครงการต่อไปได้ทันที อีกทั้งทีมวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ชุมชนหนองบัวมีความพร้อมเต็มที่ แม้จะเกิดวิกฤติโควิด -19 บางรายถอนตัวไปก็ยังมีส่วนใหญ่พร้อมเดินหน้าต่อ ดังนั้นหากรัฐบาลสนับสนุนยิ่งเป็นการสร้างความเข้มแข็งเพิ่มขึ้น”