บพท. หนุน มทร.ศรีวิชัย ยกระดับ “เมืองสงขลาอัจฉริยะ”
นับเป็นอีกหนึ่งโครงการสำหรับการเร่งยกระดับพัฒนาศักยภาพเมืองสงขลาก้าวสู่เมืองอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยี โดยการขับเคลื่อนของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (มทร.ศรีวิชัย) ร่วมกับเทศบาลนครสงขลากับ “โครงการการพัฒนาศักยภาพพื้นที่เมืองและโครงสร้างพื้นฐานรองรับยุทธศาสตร์เมืองอัจฉริยะของเทศบาลนครสงขลา” โดยคณะผู้วิจัยภายใต้การนำของ รศ.จรูญ เจริญเนตรกุล ผู้อำนวยการแผนวิจัย ผศ.ดร.ณัฐนีภรณ์ น้อยเสงี่ยม หัวหน้าโครงการวิจัยย่อยที่ 1 (โครงการการพัฒนาพื้นที่กิจกรรมสาธารณะเมืองเพื่อพัฒนาให้สอดคล้องกับเมืองอัจฉริยะสงขลา) ดร.ณัฐพล แก้วทอง หัวหน้าโครงการย่อย 2 (โครงการระบบเตือนภัยมลพิษทางอากาศสำหรับเทศบาลนครสงขลาเมืองอัจฉริยะ) และ ผศ.ดร.ชลัท ทิพากรเกียรติ หัวหน้าโครงการย่อยที่ 3 (ระบบจราจรอัจฉริยะสำหรับเมืองสงขลาน่าอยู่)
ทั้งนี้ รศ.จรูญ เจริญเนตรกุล ผู้อำนวยการแผนโครงการนี้ ให้สัมภาษณ์ในหลายประเด็นที่น่าสนใจว่า โครงการในครั้งนี้เป็นความร่วมมือของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย กับเทศบาลนครสงขลา จ.สงขลา ภายใต้แผนงาน มหาวิทยาลัยพัฒนาพื้นที่ โปรแกรม 13 นวัตกรรมสำหรับเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนนวัตกรรม แพลตฟอร์ม 4 การวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่และลดความเหลื่อมล้ำ โดยได้รับทุนสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่(บพท.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ(สอวช.)
มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันกลไกนโยบาย กลไกการมีส่วนร่วม และกลไกด้านบุคลากรของรัฐ ในการเป็นเมืองอัจฉริยะอย่างเป็นรูปธรรม และกำหนดแนวทาง วิธีการและระบบดำเนินการ ในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะด้านสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ช่วงที่ผ่านมาโครงการและเทศบาลนครสงขลาทำกิจกรรมร่วมกันมาหลายโครงการ มีความร่วมมือทางวิชาการมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นด้านผังเมือง การปรับภูมิทัศน์ต่าง ๆ งานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่นเดียวกับงานด้านความเป็นอัจฉริยะที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้งานมากขึ้น ให้เมืองน่าอยู่ ล่าสุดภาพรวมจังหวัดสงขลาได้รับการพัฒนาเป็นเมืองกีฬาและไมซ์ เช่นเดียวเมืองสามเหลี่ยมเศรษฐกิจภาคใต้ จึงเร่งขับเคลื่อนการเป็นเมืองอัจฉริยะและเมืองน่าอยู่มากขึ้น
โดยงานวิจัยนี้มีเป้าหมายเพื่อจัดตั้ง “ศูนย์พัฒนาเมือง และโครงสร้างพื้นฐาน” เพื่อพัฒนาสงขลาเป็นเมืองอัจฉริยะร่วมกับภาคีทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน ชุมชน และภาควิชาการ โดยจะทำการศึกษาวิเคราะห์พื้นที่ที่มีศักยภาพเพื่อส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ ถัดจากนั้นคือการวางแผนพัฒนาเมืองและโครงสร้างพื้นฐานนำไปสู่การสร้างคุณภาพชีวิต กำหนดแนวทาง วิธีการ และมาตรการที่ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะอย่างเป็นรูปธรรม โดยในทุกขั้นตอนจะผ่านการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ในครั้งนี้คณะผู้วิจัยได้รวบรวมปัญหาจากการทำการสนทนากลุ่ม พบว่าปัญหาหลักคือสิ่งแวดล้อม และการจราจรจึงกำหนดโดยกรอบการวิจัยเป็น 3 งานหลัก คือ งานรวบรวมข้อมูล งานประเมินผล/ การถ่ายทอดเทคโนโลยี/การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้โครงการ และงานวิเคราะห์ข้อมูล/สร้างต้นแบบสำหรับ City lab/pilot study/Feedback โดยมีผลลัพธ์จากงานวิจัยเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาจราจร และปัญหาด้านเศรษฐกิจ ซึ่งผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์คือประชาชนในพื้นที่เทศบาลนครสงขลา ผู้ใช้ทาง นักท่องเที่ยว และผู้ทำธุรกิจในพื้นที่โครงการ ด้วยการศึกษาและจัดโครงการนำร่องใน 5 ชุมชนเขตเทศบาลนครสงขลา จ.สงขลา ได้แก่ ชุมชนวัดหัวป้อม ชุมชนวัดไทรงาม ชุมชนวัดชัยมงคล ชุมชนวชิรา และชุมชนย่านเมืองเก่า
สำหรับการกำหนดเป้าหมายจากโครงการวิจัยครั้งนี้ รศ.จรูญ ให้รายละเอียดว่า เป้าหมายแรกเพื่อจัดตั้ง “ศูนย์พัฒนาเมืองและโครงสร้างพื้นฐาน” เพื่อการยกระดับศักยภาพเมืองและโครงสร้างพื้นฐาน โดยในเบื้องต้นดำเนินการในพื้นที่เขตเทศบาลนครสงขลา ซึ่งมี 5 ชุมชนหลักเป็นพื้นที่ต้นแบบ เพื่อรองรับความร่วมมือของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ชุมชน และภาควิชาการ เป้าหมายที่ 2 จัดภาคีเครือข่ายดูแลและแจ้งเตือนสำหรับเทศบาลนครสงขลา เพื่อเป็นเครือข่ายในการขยายผลเชิงพื้นที่ต่อไป เป้าหมายที่ 3 จัดภาคีเครือข่ายเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยมลพิษทางอากาศสำหรับเทศบาลนครสงขลา เพื่อเป็นแกนนำในการเฝ้าระวังมลพิษทางอากาศ และที่สำคัญคือเป็นเครือข่ายในการขยายผลเชิงพื้นที่ต่อไป เป้าหมายที่ 4 จัดภาคีจัดตั้งคณะอนุกรรมการการจราจรอัจฉริยะ ซึ่งอยู่ภายใต้คณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนา “สงขลาเมืองอัจฉริยะ” เพื่อเป็นเครือข่ายในการขยายผลเชิงพื้นที่ต่อไป เป้าหมายที่ 5 องค์ความรู้ที่ได้ในการพัฒนากลไกสำหรับการพัฒนาเมืองจะสามารถถอดบทเรียนในการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเมืองและโครงสร้างพื้นฐาน และภาคีสำหรับเทศบาลนครสงขลา ว่าประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด มีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไร สำหรับลักษณะเมืองที่มีรูปแบบคล้ายกับเทศบาลนครสงขลา และมีลักษณะการรวมตัวของชุมชนค่อนข้างหนาแน่น และเป้าหมายที่ 6 งานวิจัยนี้มีพื้นที่เป้าหมายชัดเจนคือเทศบาลนครสงขลา ประกอบด้วย ชุมชนวัดชัยมงคล ชุมชนย่านเมืองเก่า ชุมชนวัดหัวป้อม ชุมชนวัดไทรงาม และชุมชนวชิราซอยคี่
ผศ.ดร.ณัฐนีภรณ์ น้อยเสงี่ยม หัวหน้าโครงการย่อยที่ 1 กล่าวว่า งานวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่สาธารณะเมือง อาศัยกระบวนทัศน์การออกแบบพื้นที่ให้สอดคล้องกับเมืองอัจฉริยะ เพื่อการพัฒนารูปแบบการใช้พื้นที่และกิจกรรมด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมจากประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ในพื้นที่ และระบุรูปแบบการใช้พื้นที่ตามแนวคิดเมืองอัจฉริยะ การสร้างคุณภาพชีวิตและลดต้นทุนทางการเงินสำหรับการดูแลสุขภาพ
“การพูดคุยถึงแนวทางความเป็นไปได้ของโครงการวิจัยกับนายกเทศมนตรีเทศบาลนครสงขลา รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครสงขลา ผู้อำนวยการสำนักการช่างเทศบาลนครสงขลา ผู้นำชุมชนในทุกชุมชน และที่สำคัญคือผู้จัดการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สาขาภาคใต้ตอนล่าง เพื่อดำเนินแผนงานจัดให้มีลานกิจกรรม ลานออกกำลังกาย ที่ติดตั้งระบบอัจฉริยะไว้ให้บริการทั้งระบบกล้องวงจรปิด ไวไฟ ระบบชาร์จไฟ และอยู่ระหว่างการเร่งพัฒนาระบบบอกเวลาให้บริการรถโดยสารสาธารณะซึ่งแยกสระบัวเป็นพื้นที่สำคัญ ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดี และถ้างานวิจัยดังกล่าวนี้ประสบความสำเร็จจะสามารถขยายไปสู่การพัฒนาสงขลาเมืองอัจฉริยะในบริบทอื่นได้อีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นคำยืนยันจากเจ้าของพื้นที่ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และผู้ที่สามารถใช้ประโยชน์จากงานวิจัย”
ดร.ณัฐพล แก้วทอง หัวหน้าโครงการย่อยที่ 2 กล่าวว่า การวิจัยเพื่อพัฒนาระบบเตือนภัยมลพิษทางอากาศสำหรับเทศบาลนครสงขลาเมืองอัจฉริยะ แบ่งการดำเนินงานเป็น 3 กิจกรรมหลัก คือ 1.การสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมภาคประชาชนในการเฝ้าระวังภัยจากมลพิษทางอากาศสำหรับเทศบาลนครสงขลา 2.พัฒนาเครื่องมือตรวจวัดมลพิษทางอากาศและระบบแจ้งเตือนภัย และ 3.สร้างนวัตกรรมการแจ้งเตือนภัยมลพิษทางอากาศสำหรับเทศบาลนครสงขลา
“มุ่งหวังให้ประชาชนเกิดความตระหนักรู้ถึงอันตรายจากมลพิษทางอากาศ และมีวิธีการป้องกันตัวเองจากมลพิษทางอากาศเมื่อมีค่าเกินมาตรฐานซึ่งช่วยลดอัตราการเจ็บป่วยของประชาชนในโรคตาอักเสบ โรคหลอดเลือด โรคผิวหนัง และโรคระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากมลพิษทางอากาศในเขตเทศบาลนครสงขลาได้”
ผศ.ดร.ชลัท ทิพากรเกียรติ หัวหน้าโครงการย่อยที่ 3 กล่าวว่า ผู้วิจัยได้ดำเนินงานโครงการวิจัย โดยยึดหลักการออกแบบให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นหลัก ซึ่งวางแผนมองภาพปัจจุบันและอนาคตไว้ทั้งหมด 4 ด้านคือ ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการสัญจรของยานพาหนะ ลดจำนวนอุบัติเหตุในชุมชน พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านจราจรและขนส่ง ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายทางด้านเศรษฐศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการจราจรและขนส่ง นอกเหนือจากความร่วมมือที่ได้รับมาตลอดจากภาคประชาชน เทศบาลนครสงขลา สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สาขาภาคใต้ตอนล่าง และสมาคมผู้บริโภค จังหวัดสงขลา คาดหวังว่าจะได้ขยายภาคีเครือข่ายการทำงานร่วมกับหน่วยงานหรือภาคส่วนอื่นๆ ต่อไปอย่างยั่งยืนอีกด้วย
“สงขลาจัดว่ามีการจัดอีเว้นต์หลายครั้งประสบความสำเร็จด้วยดี จึงมีการศึกษาจัดพื้นที่จอดรถไว้ตามจุดต่าง ๆ ไว้นอกเมืองมากขึ้นเพื่อจะจัดระบบรถโดยสารสาธารณะในเมือง ลดใช้ปริมาณรถยนต์ส่วนบุคคลในเมือง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างความสุขในระยะยาวให้กับประชาชน ด้วยการสร้างเมืองให้น่าอยู่ เพราะเชื่อว่าหากโครงสร้างพื้นฐานพื้นฐานดี การพัฒนาในด้านอื่นๆ ย่อมตามมาไม่ยาก และสงขลาจะก้าวกระโดดไปสู่เมืองในฝันของคนทั่วทุกมุมโลก ไม่ใช่เพียงเฉพาะประชาชนในพื้นที่เท่านั้น”