สยามไบโอไซเอนซ์-แอสตร้าเซนเนก้า บูรณาการความร่วมมือผลิตวัคซีนเพื่อคนไทย
ช่วงนี้หลายคนคงจะได้ยินชื่อ แอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ ซิโนแวค โมเดอร์น่า จอห์นสันและสยามไบโอไซเอนซ์กันบ่อยครั้ง เนื่องจากมีส่วนสำคัญในการใช้เป็นวัคซีนฉีดป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 เชื้อโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกไปแล้วหลายล้านคน คงจะทำให้หลายคนและอีกหลายครอบครัวจดจำเจ้าเชื้อโรคร้ายนี้ไปอีกนาน
โดยในครั้งนี้ผู้เขียนจะพาไปทำความรู้จักกับบางชื่อบางคำที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยในทางดีดีบ้าง แน่นอนว่าหลายคนคงไม่ลืมชื่อ “สยามไบโอไซเอนซ์-แอสตร้าเซนเนก้า” โดยหากเกี่ยวกับ “แอสตร้าเซนเนก้า” หรือชื่อย่อหลักทรัพย์ ว่า AZN ในตลาดหลักทรัพย์ LSE/STO/Nasdaq เป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกมุ่งเน้นทางด้านการคิดค้นพัฒนาและจำหน่ายยาเพื่อการรักษาโรคโดยเฉพาะในกลุ่มยาโรคมะเร็ง กลุ่มยาโรคหัวใจ ไตและระบบเผาผลาญ ตลอดจนกลุ่มยาโรคทางเดินหายใจ
ทั้งนี้ แอสตร้าเซนเนก้า มีฐานอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ สหราชอาณาจักร และดำเนินธุรกิจในกว่า 100 ประเทศและมีผู้ป่วยหลายล้านคนทั่วโลกที่ได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมยาต่าง ๆ จากแอสตร้าเซนเนก้า สำหรับผู้สนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่เวปไซต์ astrazeneca.com และ ช่องทางทวิตเตอร์ @AstraZeneca
ปัจจุบัน “แอสตร้าเซนเนก้า” มีเครือข่ายการผลิตวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลก ประกอบด้วยศูนย์การผลิตเฉพาะ 16 แห่ง และพันธมิตรผู้ผลิตวัคซีนอีก 25 แห่งในกว่า 15 ประเทศ เรียกได้ว่าเครือข่ายครอบคลุมหลายประเทศและหลายภูมิภาคของโลก
ในส่วน “สยามไบโอไซเอนซ์” เป็นศูนย์การผลิตวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าแห่งแรกและแห่งเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะช่วยผลักดันยุทธศาสตร์ด้านสาธารณสุขของประเทศไทย ในการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของภูมิภาค
โดยที่ผ่านมาแอสตร้าเซนเนก้าได้ร่วมกับสยามไบโอไซเอนซ์ดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการผลิตวัคซีนและสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่กำหนดไว้สำหรับการผลิตวัคซีนในประเทศไทยเพื่อใช้ นการสู้ภัยโควิด-19 ในครั้งนี้
ในส่วนเกี่ยวกับบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด พบว่าบริษัทดังกล่าวนี้เป็นบริษัทผู้ผลิตยาชีววัตถุแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2552 ตามพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพของคนไทย โดยลดการพึ่งพายาจากต่างประเทศ
บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล PIC/S GMP, ISO9001 ISO17025 และ ISO13485 และพระราชปณิธานนี้ได้ถูกสืบสานและต่อยอดต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
สำหรับวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าใช้เทคโนโลยีในการผลิตใกล้เคียงกับการผลิตยาชีววัตถุจากเซลล์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งสยามไบโอไซเอนซ์มีประสบการณ์ในการผลิตยาชีววัตถุด้วยเทคโนโลยีนี้ และมีผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดทั้งในประเทศและส่งออก อาทิ ยาเพิ่มเม็ดเลือดแดงให้กับผู้ป่วยที่มีอาการไตวายเรื้อรัง และยาเพิ่มเม็ดเลือดขาวให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด
โรงงานของสยามไบโอไซเอนซ์ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตระดับสากล มีศักยภาพสามารถรองรับการผลิตวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าได้ทุกขั้นตอน และเป็นโรงงานขนาดใหญ่ สามารถรองรับการขยายกำลังการผลิตได้ในอนาคต
ดังนั้น “สยามไบโอไซเอนซ์” จึงได้รับเลือกจากบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ผู้ผลิตชีวภัณฑ์ชั้นนำของโลก ให้เป็นฐานการผลิตวัคซีนโควิด-19 สำหรับประเทศไทย และอีก 8 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนี่คืออีกหนึ่งโอกาสสำคัญของประเทศไทยที่ได้โชว์ศักยภาพให้นานาประเทศได้เห็นว่าไทยทำได้ไม่ด้อยกว่าประเทศอื่นๆ ในโลก และนี่คือพระปรีชาสามารถและการมองการณ์ไกลของพระองค์ท่านจากประสบการณ์ในการต่อสู้กับวิกฤติเชื้อโรคร้ายในอดีตที่พระองค์เชื่อว่าในอนาคตอาจกลับมาเกิดขึ้นอีกนั่นเอง
โดยแอสตร้าเซนเนก้าจะทยอยส่งออกวัคซีนโควิด-19 ไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเดือนกรกฎาคม โดย ณ ขณะนี้แอสตร้าเซนเนก้าได้จัดส่งวัคซีนมากกว่า 500 ล้านโดสให้แก่ 168 ประเทศทั่วโลก
ศักยภาพของประเทศไทยในครั้งนี้หากรัฐบาลมองเห็นความสำคัญและให้การสนับสนุนผลักดันอย่างเต็มที่ ไม่ลุ่มหลงมัวเมาดันแต่ของประเทศใดประเทศหนึ่งดังที่เห็นๆกันอยู่ในภูมิภาคนี้ทั้งๆที่คุณภาพ-ประสิทธิภาพด้อยต่อการใช้งานกว่ารายอื่นๆ เชื่อว่าจะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยในยุคนี้ที่หลายคนให้ความสนใจต่อการดูแลสุขภาพ ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพจึงมีแนวโน้มที่สดใสได้อีกนาน