สมาคมการผังเมืองไทย-กฎบัตรไทยผนึกเครือข่าย เสนอ “เขตนวัตกรรมมูลค่าสูง” ฟื้นศก.ประเทศไทย
“เขตนวัตกรรมมูลค่าสูง” ต่อยอด 2 รัฐบาล กระทรวงอุตสาหกรรมผนึกกระทรวง ทส. พร้อมเครือข่ายการลงทุนเร่งขับเคลื่อนหวังพลิกฟื้นเศรษฐกิจประเทศไทย คาดแต่ละบริเวณพื้นที่เทงบลงทุนต่อเนื่องในระยะยาว ปลุกจีดีพีเติบโตได้แน่ ล่าสุดกลุ่มจีจีที เคทีส ไบโอ อินดัสเทรียล (ไบโอคอมเพล็กซ์) ที่นครสวรรค์นำร่องต้นแบบโครงการ เล็งทาบทามทุนจีนผู้ผลิตเครื่องตรวจดีเอ็นเอรายใหญ่ของโลกมาผลิตในประเทศไทย คาด 3-5 ปีนี้เห็นภาพฟื้นเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจน”
นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยเมื่อสมาคมการผังเมืองไทยและกฏบัตรไทย ผนึกเครือข่ายภาครัฐ-เอกชนเร่งขับเคลื่อน “เขตนวัตกรรมมูลค่าสูง” หวังเป็นหัวหอกขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทย อัพเดท!! ปักหมุดแล้วครอบคลุม 18 พื้นที่ทั่วประเทศ ล่าสุดกระทรวงอุตสาหกรรม-กระทรวง ทส. รับเป็นโตโผเร่งขับเคลื่อนเสนอรัฐบาลเดินหน้าโครงการให้เห็นผลในรัฐบาลปัจจุบัน เผยนครสวรรค์ภาคเอกชนกลุ่มจีจีที เคทีส ไบโอ อินดัสเทรียล (ไบโอคอมเพล็กซ์) จุดพลุนำร่อง ส่วนเชียงใหม่-ลำปาง-ชัยนาท-ชลบุรี-ปทุมธานีและโซนภาคใต้ ภาคอีสานพร้อมต่อยอดหวังฟื้นเศรษฐกิจในระยะ 3-5 ปีนี้
โดยเรื่องนี้นายฐาปนา บุญยประวิตร นายกสมาคมการผังเมืองไทย ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกฎบัตรไทย เปิดเผยกับ www.ucdnews.com ว่าร่วมกับอีกหลายหน่วยงานเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการ “เขตนวัตกรรมมูลค่าสูง” นำเสนอรัฐบาลเร่งขับเคลื่อนโครงการเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจประเทศไทยให้เกิดผลเป็นรูปธรรมช่วง 3-5 ปีนี้ ปัจจุบันเขตนวัตกรรมมูลค่าสูงมีจำนวน 16 เขต 18 บริเวณพื้นที่ (ดูภาพประกอบ) แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ เขตนวัตกรรมการแพทย์และส่งเสริมสุขภาพ จำนวน 8 บริเวณพื้นที่ เขตนวัตกรรมอุตสาหกรรมมูลค่าสูง จำนวน 8 บริเวณพื้นที่ และเขตนวัตกรรมการท่องเที่ยวมูลค่าสูง จำนวน 2 บริเวณพื้นที่
สำหรับ “เขตนวัตกรรม” หมายถึง พื้นที่ที่มีการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างเข้มข้น มีการขับเคลื่อนมูลค่าเศรษฐกิจในพื้นที่นั้นๆ อย่างชัดเจนซึ่งจะมีความแตกต่างจากนิคมอุตสาหกรรม โดย “นิคมอุตสาหกรรม” จะประกาศจากกระทรวงอุตสาหกรรมออกมา ส่วน “เขตนวัตกรรม” จะเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งแต่จะรวมเอาพื้นที่ที่มีการให้บริการเชื่อมโยง มีหน่วยการผลิตเชื่อมโยงซึ่งไม่ได้อยู่ในเขตนวัตกรรมก็ได้ แต่มีการทำงานร่วมกันในเรื่องนิเวศนวัตกรรม โดยเขตนวัตกรรมให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงนิเวศนวัตกรรมค่อนข้างสูง
สำหรับ “นิเวศนวัตกรรม” ที่พบว่าทำไมไม่ใช้ในนิคมอุตสาหกรรมนั้น แม้ว่าจะมีการใช้บางส่วนแต่ไม่ได้ให้ความสำคัญมากนักแต่ไปให้ความสำคัญเรื่องประเภทการลงทุนที่รัฐให้การสนับสนุนมากกว่า ยกตัวอย่างนิเวศอุตสาหกรรมประเภทอุตสาหกรรมการแพทย์ เครื่องมือแพทย์ หรือที่ทำเกี่ยวกับรากฟัน ระบบนิเวศนวัตกรรมจะดูระบบซัพพลายเชนตั้งแต่วัตถุดิบ อาทิ เซรามิก และยังมีอุปกรณ์ชิ้นงานขนาดเล็ก ประเภทงานโลหะ หรือสแตนเลส วัสดุพิเศษในการเชื่อมฟันจะมีระบบการผลิตแต่ละตัวระบุไว้กว่าจะสำเร็จออกมาเป็นฟันเทียมนำไปใช้งานจะมีขั้นตอนต่างๆ มากมาย เช่นเดียวกับเครื่องมือแพทย์บางส่วนที่เกี่ยวกับการบำบัดรักษาก็จะมีระบบการผลิตต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้องมากมายจึงจะต้องหาวิธีว่าระบบซัพพลายเชนเหล่านี้ให้อยู่ในพื้นที่เพื่อจะลดค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ให้มากที่สุดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการที่จะให้มีความสมบูรณ์มากที่สุดแต่ไม่ห้ามการเชื่อมโยงจากภายนอก
ในส่วนข้อแตกต่างระหว่างนิคมอุตสาหกรรมกับนิเวศนวัตกรรม จะดูที่ทุกเหตุการณ์ที่ทำงานอยู๋ในพื้นที่เขตนวัตกรรมจะต้องดูความสัมพันธ์กับนักวิจัยหรือหน่วยวิจัยของมหาวิทยาลัยต่างๆ หมายถึงว่าจะมีกระบวนการวางแผนวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องกับมหาวิทยาลัยให้มีส่วนร่วมในรูปแบบต่างๆ ดังนั้นความชัดเจนทั้ง 3 กลุ่มจำนวน 18 บริเวณพื้นที่จะถูกกำหนดให้มหาวิทยาลัยร่วมดูแลเป็นหลักในการขับเคลื่อนเพื่อให้มีการยกระดับด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่องนั่นเอง จึงแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดที่จะพบว่ามีหน่วยงานอื่นๆดูแลมากมายหากเป็นอุตสาหกรรมลักษณะอื่นๆ
นายฐาปนา กล่าวอีกว่า ณ วันนี้จะพบว่าแนวโน้มการเติบโตเขตนวัตกรรมสูงมาก หลายประเทศพบว่ามีการใช้พื้นที่เขตนวัตกรรมเป็นพื้นที่ไข่แดงทางเศรษฐกิจที่จะผลิตผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง ที่ใช้ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก ใช้วัตถุดิบไม่มากแต่มีมูลค่าสูงจะถูกนำไปอยู่ในเขตนวัตกรรมที่จะมีการยกกระดับด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมค่อนข้างมาก ซึ่งเขตนวัตกรรมพัฒนามาจากระเบียงเศรษฐกิจเวลเนส โดยกฎบัตรไทยได้มีการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสมาโดยตลอด นำร่องที่พื้นที่อันดามันที่ภาคใต้ รัฐมนตรีหลายท่านล้วนรู้จักเป็นอย่างดี แล้วยังได้รับอนุมัติหลักการในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เรียบร้อยแล้ว ครอบคลุมพื้นที่กระบี่ ภูเก็ต พังงา ส่วนพื้นที่อื่นนั้นคณะกรรมการศูนย์กลางการแพทย์ (คณะกรรมการเมดิคัลฮับ) อนุมัติหลักการให้มีการพัฒนารูปแบบเวลเนสคอลิดอร์เรียบร้อยแล้วจำนวน 6 บริเวณซึ่งจะเป็นตัวต่อยอดให้มีเขตนวัตกรรมการแพทย์และส่งเสริมสุขภาพจึงจะต้องให้มีพื้นที่ไข่แดงที่มีความเข้มข้นด้านการผลิตหรือให้บริการตามระเบียงเศรษฐกิจต่างๆ ดังนั้นเขตนวัตกรรมการแพทย์และส่งเสริมสุขภาพจึงเป็นหน่วยงานแรกที่ได้นำเสนอให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์จนได้รับอนุมัติและมีข้อสั่งการเรียบร้อยแล้วสามารถนำไปต่อยอดการพัฒนาด้านต่างๆได้ทันที เบื้องต้นนั้นส่งเรื่องให้หน่วยงานสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุขและสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรมต่อไป
ทั้งนี้ได้มีแนวคิดเสริมว่า การพัฒนาเศรษฐกิจนั้นหากจะมีการส่งเสริมเขตนวัตกรรมการแพทย์และส่งเสริมสุขภาพเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอและอาจเกิดผลได้ไม่มากนัก ดังนั้นภาคส่วนกฎบัตรจึงมีแนวคิดเร่งผลักดันให้มีเขตนวัตกรรมที่เกี่ยวเนื่องโดยเฉพาะเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวที่มีความเป็นไปได้ด้านการพัฒนาให้มีมูลค่าสูงด้านการท่องเที่ยวรวมเขตนวัตกรรมด้วยจึงควรจะพัฒนาเป็นกลุ่มที่ 2 อุตสาหกรรมมูลค่าสูงและกลุ่มการท่องเที่ยวมูลค่าสูงทั้ง 16 เขต 18 บริเวณพื้นที่ดังกล่าว
จับตา !! ยกเกาะช่าง จ.ตราดนำร่องส่งเสริมการลงทุนลักษณะพิเศษ
โดยภายหลังจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ได้เห็นชอบให้มีการพัฒนาเขตนวัตกรรมด้านการแพทย์ไปแล้ว ยังได้มีการพัฒนาต่อเนื่องร่วมกับมหาวิทยาลัยโดยนำเอาทั้ง 16 บริเวณพื้นที่นำเสนอสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) ที่สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาของบอร์ดบีโอไอให้มีการส่งเสริมเขตนวัตกรรมต่างๆ ดังนั้นกฏบัตรจึงมีการบ้านหลักๆคือ 1.ให้ทุกมหาวิทยาลัยที่ดูแลเขตนวัตกรรมทั้งหมดกลับไปพิจารณาสิทธิประโยชน์ต่างๆที่ให้ไปแล้วประสงค์จะขอปรับเพิ่มหรือปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องอย่างไรบ้าง ตลอดจนเรื่องนำเสนอใหม่เข้ามาพิจารณาอีก 2.ช่วงที่ผ่านมาบีโอไอได้ให้การสนับสนุนด้านการผลิตค่อนข้างมาก แต่ด้านบริการ อาทิ อุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยวยังให้การสนับสนุนไม่มากพอ บีโอไอจึงมีดำริให้ยกแผนการพัฒนาเกาะช้าง จังหวัดตราดให้เป็นโครงการนำร่อง รูปแบบพื้นที่ส่งเสริมการลงทุนในลักษณะพิเศษ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารูปแบบสิทธิพิเศษต่างๆ เพื่อนำเสนอบีโฮไอคาดว่าประมาณ 2-3 เดือนนี้จะเสนอรูปแบบเงื่อนไขให้บีโอไอพิจารณาเพื่อให้เป็นพื้นที่แบบอย่างการพัฒนาต่อไป
ทั้งนี้ภายหลังจากได้นำเสนอบีโอไอไปแล้ว พบอีกว่านายอรรถวิทย์ สุวรรณภักดี ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้ประสานมายังกฏบัตรไทยว่ามีความสนใจจะดูแลเขตนวัตกรรมทั้งหมด อีกทั้งยังได้คุยรายละเอียดกันไปบ้างแล้วช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมาพร้อมกับได้นำเสนอรายละเอียดภายในการจัดงานประชุมวิชาการผังเมืองครั้งที่ 7 เรื่องการพัฒนาเขตนวัตกรรมมูลค่าสูงของประเทศไทย โดยประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้ประกาศนโยบายชัดเจนว่ากระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญและสนใจจะรับโครงการพัฒนาเขตนวัตกรรมมูลค่าสูงเข้าไปดำเนินการ อีกทั้งท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้ประกาศรับการพัฒนาโครงการพัฒนาเขตนวัตกรรมมูลค่าสูงไว้ในแผนของกระทรวงอุตสาหกรรมเรียบร้อยแล้ว
ณ วันนี้กระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างการเร่งจัดตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาเขตนวัตกรรมมูลค่าสูง โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ดังนี้ คือ 1.กลุ่มผู้แทนหน่วยงานของกระทรวงอุตสาหกรรม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรมเหมืองแร่ กรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น และ 2.กลุ่มผุ้แทนเขตต่างๆ ผู้แทนมหาวิทยาลัย คาดว่าภายในปลายเดือนมกราคม 2568 นี้คำสั่งแต่งตั้งจะประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ
สำหรับข้อเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรมมี 2 รูปแบบ คือ 1.จะมีการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการเขตนวัตกรรมมูลค่าสูงภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม รูปแบบองค์การมหาชน แต่เนื่องจากมีขั้นตอนมากมายและใช้ระยะเวลานาน 2-3 ปี จึงมีดำรินำงานของเขตนวัตกรรมมูลค่าสูงไปตั้งเป็นกอง สำนัก หรือหน่วยงานย่อยของ กนอ. เพื่อให้ กนอ. ร่วมขับเคลื่อนโครงการ เนื่องจากมี “นิคมอุตสาหกรรมบริการ” ร่วมอยู่ด้วยแล้ว จึงสามารถต่อยอดดำเนินการได้ทันที เพียงแต่อาจมีการปรับปรุงกรอบแผนงานบางส่วนให้สอดคล้องกันเท่านั้น
“จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาให้เขตนวัตกรรมมูลค่าสูงเข้าไปบรรจุไว้ใน กนอ. เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนงานได้อย่างต่อเนื่องกัน กำหนดแนวทางที่ชัดเจนได้ การกำหนดสิทธิประโยชน์บางส่วนอย่างชัดเจนได้ หรือสามารถกำหนดสิทธิพิเศษให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาต่อไปได้ นอกจากนั้นภายหลังที่กระทรวงอุตสาหกรรมประกาศรับเขตนวัตกรรมมูลค่าสูงไปเร่งขับเคลื่อนแล้ว ยังพบอีกว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) โดยนายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ ทส. ได้มีการขอหารือว่าพื้นที่เขตนวัตกรรมท่องเที่ยวมูลค่าสูงต่างๆนั้นเป็นพื้นที่ของทส.รับผิดชอบ โดยเฉพาะพื้นที่ป่าชุมชนต่างๆที่พบว่ามีการใช้พื้นที่ชุมชนร่วมกันและได้มีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ โดยการเจรจาได้ข้อสรุปว่า เขตนวัตกรรมท่องเที่ยวมูลค่าสูงน่าจะให้กระทรวงทส.รับผิดชอบ โดยจะมีการสั่งการและตั้งคณะอนุกรรมการรับผิดชอบเรื่องนี้ต่อไป ดังนั้นความชัดเจนในเรื่องการพัฒนาเขตนวัตกรรมมูลค่าสูงที่ได้มีการประกาศบริเวณพื้นที่ไปหลายแห่งนั้นจึงน่าจะมีความชัดเจนภายในเดือนมกราคม 2568 นี้”
นายฐาปนากล่าวต่ออีกว่า หากกล่าวถึงในเชิงพื้นที่ เขตนวัตกรรมการแพทย์ที่ได้มีการประกาศมาตั้งแต่รัฐบาลที่ผ่านมา คือ เขตนวัตกรรมการแพทย์ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ทาง 2 มหาวิทยาลัยนี้ได้ประกาศไปเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงกลางปี 2567 ที่ผ่านมาโดยอาศัยอำนาจของอธิการบดีมหาวิทยาลัยพร้อมดำเนินการพัฒนาแต่ละเขตไปบ้างแล้วทั้ง 2 บริเวณพื้นที่ ในส่วนเขตนวัตกรรมอุตสาหกรรมมูลค่าสูงมี 1 บริเวณพื้นที่ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว คือ เขตนวัตกรรมมูลค่าสูง “ไบโอคอมเพล็กซ์” อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ โดยกลุ่มบริษัท จีจีที เคทีส ไบโอ อินดัสเทรียล จำกัด โดยมีกลุ่ม ปตท.ร่วมทุนกับกลุ่มบริษัทน้ำตาลรายใหญ่ของจังหวัดนครสวรรค์ เป็นแกนนำหลักซึ่งจะนำตอซังข้าวมาผลิตเป็นเม็ดพลาสติก โดยพื้นที่เดิมมีประมาณ 3,000 ไร่ แต่ภายหลังมีการประกาศให้เป็นเขตนวัตกรรมมูลค่าสูงได้เพิ่มพื้นที่เป็น 4.2 หมื่นไร่ในเวลาต่อมา ครอบคลุมพื้นที่ 5-6 องค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์เพื่อขยายพื้นที่ให้พร้อมรองรับการลงทุนอย่างเพียงพอนั่นเอง
โดยเป้าหมายหลักเพื่อพัฒนาให้เป็นเขตนวัตกรรมที่มีความโดดเด่น และเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจหมุนเวียน ให้มีการแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่นำของเหลือใช้จากผลิตภัณฑ์การเกษตรมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วยการใช้นวัตกรรมไปดำเนินการ โดยมีสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนสนับสนุนอีกหลายประการ
กระทรวงอุตสาหกรรมและทส.จ่อนำเสนอรัฐบาลประกาศพื้นที่อย่างเป็นทางการ
ต่อเรื่องนี้นายฐาปนากล่าวว่า โดยจะมีการแนบเรื่องแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเข้าไว้ด้วยซึ่งพบว่าโรงงานของกลุ่มไบโอคอมเพล็กซ์ จังหวัดนครสวรรค์ ตั้งอยู๋ห่างจากสถานีรถไฟทางคู่ “หนองโพ” ระยะทาง 5 กิโลเมตร เหมาะที่จะมีการขนส่งทางรางเข้ามารองรับ จึงเสนอให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมโยงไปถึงเขตนวัตกรรมไบโอคอมเพล็กซ์ โดยจะมีการสนับสนุนพื้นที่ให้รฟท.ส่วนหนึ่งและเวนคืนอีกส่วนหนึ่ง จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการนำร่องที่จะมีการลงทุนและเร่งผลักดันโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงพื้นที่เขตนวัตกรรมมูลค่าสูง
เปิดรับสมัครเครือข่ายการลงทุนทั้งไทย-ต่างประเทศ
ทางด้านการบริหารจัดการน้ำ การบริหารพื้นที่เมืองทุกบริเวณของเขตนวัตกรรมจะได้รับการออกแบบสถาปัตยกรรม ออกแบบเมืองเช่นเดียวกับนิคมอุตสาหกรรม ออกแบบรูปแบบการใช้ประโยชน์ที่ดินใหม่ พื้นที่พาณิชยกรรม ศูนย์ประชุม ศูนย์การค้า ที่อยู่อาศัย หรือพื้นที่บริการต่างๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างการระดมเงินเพื่อใช้ในการออกแบบทุกเขตให้แล้วเสร็จตามแผนต่อไป คาดว่าภายในปลายปีนี้จะออกแบบแล้วเสร็จทั้งหมด นี่เป็นกลไกใหม่ที่กฎบัตรไทยสร้างขึ้นมา
กลไกต่อมากฏบัตรไทยอยู่ระหว่างการรับกิจการต่างๆ เป็นเครือข่ายการลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้เครือข่ายการลงทุนได้เข้ามาร่วมวางแผนและติดตามประสานการขับเคลื่อนโครงการอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นมีจำนวน 11 บริษัทเข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายการลงทุน โดยจะเรียกเก็บค่าใช้จ่ายบริษัทละ 1 แสนบาทต่อปี แลกกับการรับสิทธิประโยชน์ที่จะดีรับ ในทุกการประชุมของโครงการเครือข่ายการลงทุนเหล่านี้สามารถเข้าร่วมประชุมได้ทั้งหมดเพื่อรับรู้ข้อมูลและติดตามความคืบหน้าได้อย่างทันท่วงที
โดยรูปแบบการร่วมลงทุนแบบนี้พบว่ามีหลายประเทศนำไปใช้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมาแล้ว อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฯลฯ ซึ่งจะพบว่าตามที่รัฐบาลประกาศพื้นที่แนวระเบียงเศรษฐกิจมาแล้วแต่ไม่เกิดผลเป็นรูปธรรม นั่นเป็นเพราะว่าประกาศเสร็จ กำหนดสิทธิประโยชน์ให้แล้ว ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานให้เสร็จแต่ไม่มีการประสานรูปแบบการลงทุนให้ชัดเจน อีกหนึ่งโมเดลที่มีการขับเคลื่อนต่อเนื่องคือการพัฒนาพื้นที่พิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี แม้ว่าหากเทียบกับการลงทุนในเขตนวัตกรรมมูลค่าสูงจะแตกต่างกัน เขตนวัตกรรมไม่ต้องรอ สามารถเชิญชวนนักลงทุนเครือข่ายได้ทันที โดยมีกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทส. เป็นหน่วยงานหลักที่ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่หากไม่มีเครือข่ายการลงทุนเข้ามาใช้บริการมูลค่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานก็จะไร้คุณค่า ยกตัวอย่างพื้นที่แม่สอดที่จะเห็นภาพได้ชัดเจนว่าไม่มีนักลงทุนให้ความสนใจเข้าไปลงทุนจึงถือว่าขาดเครือข่ายที่จะเข้าไปลงทุนในพื้นที่ หรืออาจขาดผู้ประสานงานที่นักลงทุนต้องการ สิ่งเหล่านี้สำหรับพื้นที่เขตนวัตกรรมมูลค่าสูงจะมีผู้ประสานงานให้ทั้งหมดเพื่อให้เกิดการลงทุนที่รวดเร็ว และสะดวกสบายยิ่งขึ้น
“ถือได้ว่าการเชื่อมโยงกับภาครัฐมีความคืบหน้าอย่างมาก ส่วนภาคการลงทุนได้ดำเนินการไปแล้ว มีผู้สมัครเข้ามาเป็นเครือข่ายการลงทุนแล้วกว่า 10 ราย โดยมีภาคมหาวิทยาลัยเป็นหน่วยหลักในการขับเคลื่อนโครงการนี้ และบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ที่รัฐบาลถือหุ้นใหญ่สมัครได้เข้ามาเป็นเครือข่ายการลงทุนเพื่อนำเสนอด้านการรับประกันต่างๆให้เครือข่ายเกิดความมั่นใจ ได้รับความสะดวกในการตัดสินใจลงทุนในพื้นที่อย่างรวดเร็วขึ้น”
มีลุ้นงบลงทุนและการต่อยอดโครงการทั้ง 18 บริเวณพื้นที่
ต่อเรื่องนี้นายฐาปนาขยายความว่า ปัจจุบันจะพบว่าบีโอไอและสศช. ติดตามความคืบหน้าโครงการอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นหากกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงทส.เสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินการก็จะมีการเสนอสิทธิพิเศษใหม่ขึ้นมาโดยมีบีโอไอรับหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดต่างๆเพื่อให้เครือข่ายการลงทุนเกิดความมั่นใจว่าได้รับประโยชน์สูงสุด โดยจะมีการเปรียบเทียบการลงทุนในพื้นที่อีอีซีไว้ด้วย
ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่าภายใน 3-5 ปีนี้ประเทศไทยจะมีเขตนวัตกรรมหลายพื้นที่มากขึ้น แนวโน้มการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจจะสามารถเห็นภาพชัดเจน ทำให้เห็นภาพตัวเลขการลงทุนชัดเจน จีดีพีของประเทศจะขยับสูงขึ้นไปได้อีก โดยเฉพาะพื้นที่การขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจจะมีเพิ่มมากขึ้นจากพื้นที่อีอีซี จะต่อยอดอีอีซีและสร้างงานสร้างรายได้ในอีกหลายพื้นที่ ประชากรวัยแรงงานก็จะสามารถกลับมาทำงานในพื้นที่ได้อย่างตรงตามความต้องการ นอกจากนั้นยังเตรียมทาบทามทุนจีนผู้ผลิตเครื่องตรวจดีเอ็นเอรายใหญ่ของโลกชักชวนมาลงทุนตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทยร่วมกับมทส.ต่อไป
“หลายพื้นที่โดยเฉพาะต่างจังหวัดพบว่าขณะนี้จังหวัดตราดกำลังเสนอให้มีพื้นที่แปรรูปอุตสาหกรรมจากพืชผักผลไม้โดยมีมหาวิทยาลัยบูรพาเป็นผู้ดูแล ล่าสุดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้เข้าไปเสริมอีกหน่วยงานหนึ่ง จึงเป็นอีกหนึ่งแผนการยกระดับอุตสาหกรรมในพื้นที่มาอยู่ในเขตนวัตกรรมมูลค่าสูงด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าไปขับเคลื่อนโครงการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย” นายฐาปนากล่าวในตอนท้าย