‘BRI’ โชว์นิวไฮ! กำไร Q2/65 มองตลาดแนวราบครึ่งหลังเติบโตต่อเนื่อง

“บริทาเนีย หรือ BRI” อวดผลงานไตรมาส 2/2565 ทุบสถิติใหม่ต่อเนื่อง ทำกำไรสุทธิทะลุ 376 ล้านบาท เติบโตกว่า 140% หนุนผลประกอบการครึ่งปีแรกสร้างนิวเรคคอร์ด ยอดรายได้รวม 3,135 ล้านบาท พุ่งแรง 78% มีกำไรสะสมที่ 729 ล้านบาท โตแกร่ง 153% รับยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการใหม่และโครงการที่อยู่ระหว่างการขายดีต่อเนื่อง มองแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่องจากเรียลดีมานด์ เชื่อปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการแอลทีวีช่วยตลาดฟื้นตัว ลุยเปิดโครงการครึ่งปีหลังดันยอดขายตามเป้า 

นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 (เมษายน-มิถุนายน) ที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก และสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ได้อย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำศักยภาพบริษัทฯ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยมีกำไรสุทธิ 376 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 140% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 7% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนยอดรับรู้รายได้รวมอยู่ที่ 1,652 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 11% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้ผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน) มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 729 ล้านบาท เติบโต 153% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมียอดรับรู้รายได้รวม 3,135 ล้านบาท เติบโต 78% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  

ปัจจัยการเติบโตมาจากความสำเร็จจากโครงการที่เปิดตัวใหม่ 2 โครงการ และโครงการที่อยู่ระหว่างการขายในปัจจุบันอีก 19 โครงการ ที่มีผลการตอบรับดีสามารถสร้างยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ได้อย่างต่อเนื่อง และความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนในรูปแบบพาร์ทเนอร์ (JV) จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการ   แกรนด์ บริทาเนีย คูคต สเตชั่น, โครงการบริทาเนีย โฮม บางนา กม.17, โครงการบริทาเนีย ทาวน์ บางนา กม.17 และโครงการบริทาเนีย อมตะ-พานทอง ดันผลการดำเนินงานทำนิวไฮและกำไรเติบโตแข็งแกร่ง
      
  “คีย์ซักเซสในการพัฒนาโครงการของบริษัทฯ มาจากการให้ความสำคัญกับการศึกษาพฤติกรรมการอยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคปัจจุบัน เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาแบบบ้านใหม่ สไตล์ ฟังก์ชันใช้สอย ที่ตอบโจทย์การพักอาศัยของคนทุกช่วงวัยและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย นอกจากนี้ทุกโครงการของบริทาเนียตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวก และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน” นางศุภลักษณ์ กล่าว 
 
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BRI กล่าวต่อว่า จากการประเมินภาพรวมรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังคาดว่าจะทยอยฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ตามสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นเรียลดีมานด์ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางถึงระดับบนที่ได้รับผลกระทบจากความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว ภาวะเงินเฟ้อ และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นไม่มากนัก สอดคล้องกับแผนพัฒนาโครงการของบริษัทฯ ในปีนี้ที่มุ่งเน้นเปิดโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ “บริทาเนีย” ที่จับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง และ     แบรนด์ “แกรนด์ บริทาเนีย” ที่จับกลุ่มลูกค้าระดับบน  

ทั้งนี้ คาดว่าตลาดที่อยู่อาศัยครึ่งปีหลังจะได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนอง การผ่อนคลายมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย (มาตรการ LTV) ให้ผู้ขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยสามารถกู้ได้เต็ม 100% ของมูลค่าหลักประกัน อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว การปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ราคาพลังงาน ต้นทุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยและภาวะการแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบที่เพิ่มขึ้น  

ดังนั้น บริษัทฯ จึงมั่นใจจะทำผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง ครึ่งปีหลังเปิดโครงการตามแผนเพื่อดันยอดขายให้เติบโตตามเป้าหมาย ส่วนผลกระทบจากต้นทุนค่าก่อสร้างประเมินว่าค่าก่อสร้างมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง โดยบริษัทฯ จะดำเนินการบริหารต้นทุนก่อสร้างให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อส่งมอบบ้านที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน ตลอดจนมีมาตรการควบคุมและลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เพื่อสร้างอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่ดีต่อไป