บานดี้ เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ “BAANDY Terminal”
รุกต่อเนื่องพร้อมยกระดับการพัฒนาทางธุรกิจ ล่าสุดเปิดตัวแพลตฟอร์ม BAANDY Terminal เชื่อมต่อออฟไลน์-ออนไลน์ สร้างระบบขายสินค้าหน้าร้านวัสดุก่อสร้างรูปแบบใหม่ คาดมีร้านค้าใช้ระบบช่วงแรก 500 ร้านค้า ทุ่มงบ 60 ล้านบาทพัฒนาแพลตฟอร์มต่อตามแผน ตั้งเป้ารายได้ปี 65 โต 400 ล้านบาท
นายณัฏฐ์นวัต พันธุกรกวีวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ บานดี้ จำกัด ผู้พัฒนา BAANDY แอปพลิเคชัน ซื้อ-ขายวัสดุก่อสร้างครบวงจร สินค้าตกแต่ง ฝีมือคนไทย เปิดเผยว่า ภายหลังจากบริษัทเปิดตัวแฟลตฟอร์ม BAANDY Application ในปี 2564 ที่ผ่านมา ได้รับกระแสตอบรับที่ดีและมียอดขายรวมกว่า 6,000 รายการ จึงมองเห็นโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้ซื้อและผู้ขายที่เปลี่ยนไป
ทั้งนี้ BAANDY มุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบการซื้อขายให้มีประสิทธิภาพ สะดวกกับผู้ซื้อทั่วประเทศ ตลอดจนผู้ประกอบการที่เข้ามาใช้แพลตฟอร์มในการขยายฐานลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้เกิดการพัฒนาแพลตฟอร์ม “BAANDY Terminal” ระบบปฏิบัติการขายสินค้าหน้าร้านและออนไลน์รูปแบบใหม่ เพื่อตอบโจทย์ร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่ต้องการเชื่อมโยงระบบ O2O (Online to Offline) เข้าด้วยกัน
โดยมีวัตถุประสงค์นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเปลี่ยนแปลงวงการค้าขายวัสดุก่อสร้างด้วยกลยุทธ์การเชื่อมโยงร้านค้าแต่ละพื้นที่ จากระบบออฟไลน์สู่ระบบออนไลน์ได้เต็มรูปแบบ และทำให้ร้านค้าวัสดุก่อสร้างบริหารจัดการหน้าร้านใช้งานง่ายขึ้นในแบบ One stop service จากการเชื่อมต่อระบบขายหน้าร้านกับระบบการขายออนไลน์แบบทันท่วงที (Realtime)
BAANDY Terminal สามารถเข้าถึงและเข้าใจถึงพฤติกรรมลูกค้าเชิงลึกผ่านประวัติการสั่งซื้อสินค้า ช่วงวันเวลาที่ซื้อสินค้า รายการสินค้าที่นิยมสั่งแบบ Realtime ซึ่งระบบหลังบ้านเหล่านี้ จะช่วยให้ร้านค้าสามารถเช็กจำนวนสินค้า บริหารสต๊อกสินค้า ระบบบัญชี โดยข้อมูลต่างๆ จะถูกนำมาวิเคราะห์และออกแบบเป็นแผนการตลาด โปรโมชั่นต่างๆ เพื่อดึงดูดใจลูกค้า และนำเสนอสินค้าแก่กลุ่มลูกค้าได้ตรงกับความต้องการอย่างแม่นยำ
ประการสำคัญข้อมูลจะถูกจัดเก็บไว้บน iCloud ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะได้รับความปลอดภัยสูง เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับร้านค้าในยุคดิจิทัล ที่มีการเปิดจำหน่ายสินค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์และหน้าร้านได้เชื่อมโยงกัน เพื่อลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาด และเพิ่มโอกาสการขายสินค้าให้กับร้านค้าวัสดุก่อสร้าง เพื่อต่อยอดในการคิดพิจารณาขยายกิจการหรือสร้างประโยชน์ต่าง ๆ ให้ร้านค้าได้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้เชื่อว่า BAANDY Terminal จะได้กระแสการตอบรับที่ดีจากร้านค้าวัสดุก่อสร้าง หันมาใช้แพลตฟอร์มดังกล่าวมากยิ่งขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้ามีร้านค้าเข้ามาใช้ระบบประมาณ 500 ร้าน จากปัจจุบันเริ่มมีร้านค้าสนใจแล้วกว่า 100 ร้านในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม โดยเงินลงทุนสำหรับร้านค้าที่ต้องการการติดตั้งแพลตฟอร์ม BAANDY Terminal คาดว่าจะมีระดับราคาตั้งแต่ 1,000-5,000 บาทต่อเดือน และมีราคาพิเศษสำหรับเหมาจ่ายเป็นรายปีอีกด้วย
“บริษัทมุ่งมั่นสร้างสรรค์สิ่งใหม่อย่างไม่หยุดนิ่ง ด้วยการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อให้สามารถตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ช่วยทำให้การซื้อขายสินค้าวัสดุก่อสร้างเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายที่สุด เพื่อเสริมศักยภาพในการแข่งขันให้กับร้านค้าวัสดุก่อสร้างในเครือข่าย สามารถแข่งขันกับร้านค้า Modern Trade ที่ขยายตัวได้ ผ่านแพลตฟอร์ม “BAANDY Terminal” นายณัฏฐ์นวัต กล่าว
สำหรับแผนธุรกิจของบริษัทในปีนี้ ยังคงเดินหน้าขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยประเมินมูลค่าตลาดวัสดุก่อสร้างโดยรวมมีมากถึง 5 แสนล้านบาท ซึ่งปี 2565 มองว่าตลาดจะเติบโตประมาณ 3-5% จากปีก่อน แม้ว่าสถานการณ์ Covid-19 จะส่งผลกระทบในปีที่แล้ว แต่ในปีนี้ประเทศไทยรับมือและเข้าถึงวัคซีนมากขึ้น ดังนั้นปัจจัยดังกล่าวทำให้ดีมานด์การใช้จ่ายสูงขึ้น ประกอบกับผู้ประกอบการธุรกิจก่อสร้างต่างปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจกันต่อเนื่อง
นอกจากนี้บริษัทได้ลงพื้นที่ร้านค้าวัสดุก่อสร้างไปแล้วกว่า 2,300 ร้านค้า โดยมีกลุ่มลูกค้าที่เข้าร่วมเปิด และพร้อมขายสินค้าผ่านแอปพลิเคชั่น BAANDY แล้วกว่า 900 ร้านค้า ในภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งบริษัทจะเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้ทั้ง 900 ร้านค้าเดิมให้สามารถใช้ข้อมูลในระบบฐานปฏิบัติการได้อย่างชำนาญและพร้อมขยายงานได้ในแต่ละรายมากขึ้น อีกทั้งยังวางแผนขยายจำนวนร้านค้าที่อยู่บนแอปพลิเคชัน BAANDY ไปสู่เป้าหมายระดับ 3,000 ร้านค้าทั่วประเทศ โดยปีนี้เน้นขยายพื้นที่ให้ครอบคลุมภาคตะวันออกเป็นหลัก และวางแผนจะขยายฐานลูกค้าภาคอีสานตอนบน และกรุงเทพฯ-ปริมณฑลต่อไป
ขณะที่งบลงทุนในปีนี้ตั้งไว้ที่ 50-60 ล้านบาท เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มตามเป้าหมายในแต่ละปี และเน้นเพิ่มโปรโมชั่นสินค้าป้ายแดงลดราคาตั้งแต่ 10-90% โดยการสุ่มสินค้าและช่วงเวลา เพื่อต้องการให้ผู้ซื้อเข้าแอปพลิเคชันบ่อยขึ้น พร้อมร่วมสนุกและถือเป็นการคืนกำไรให้ผู้ซื้อด้วย
ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2565 อยู่ที่ 400 ล้านบาท ขณะที่สัดส่วนรายได้แบ่งเป็นรายได้จากแพลตฟอร์ม 40% รายได้จากค่าโฆษณา 15% รายได้จากระบบปฏิบัติการร้าน 25% รายได้จากการจัดส่ง 15% และรายได้อื่นๆ 5% นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้ามีสินค้าวัสดุก่อสร้างและของใช้เกี่ยวกับบ้านมากกว่า 40,000 รายการให้ลูกค้าเลือกซื้อ จากปัจจุบันอยู่ที่ 15,000 รายการ
“หลักๆเราต้องการเป็นพาร์ทเนอร์กับร้านค้า ให้ร้านค้าเข้ามาในระบบให้มากที่สุด เน้นให้ขายได้จริงก่อนจึงเร่งกระจายสร้างการรับรู้ไปสู่ร้านค้าวัสดุก่อสร้างทั่วประเทศ ดังนั้นปีนี้จะเริ่มรับรู้รายได้จากการขายแพลตฟอร์มที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ส่วนปีที่ผ่านมาเราเปิดให้ลูกค้าเข้ามาทดสอบระบบจนมั่นใจโดยไม่ได้เก็บค่าใช้จ่ายด้านนี้ ส่วนระบบใหม่ที่เรียกว่าแพลตฟอร์ม BAANDY Terminal เรียกง่ายๆว่าเป็นระบบบริหารหน้าร้านเพื่อเสริมระบบออนไลน์ที่เปิดไปก่อนหน้านี้นั่นเอง อยากคัดเอาครึ่งหนึ่งจาก 900 ร้านค้ามาทำระบบขายหน้าร้านนี้จัดแพคเกจแต่ละเดือน และรายปีให้เลือกตามชอบใจ โดย 3 แพคเกจนำเสนอคาดว่าเหมาะสมแล้ว ตัวแพงสุดจะวิเคราะห์ให้เลย เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อน ลูกค้าสามารถใช้ยูสเซอร์เนมพาสเวิดเข้าไปบริหารจัดการด้วยตนเองได้ทันที เป็นประโยชน์อย่างมากในการขายวัสดุก่อสร้างบนโลกออนไลน์ยุคนี้จริงๆ”