“บานดี้”รุกเปิดตัว Omni Market รุกตลาดซื้อ-ขายวัสดุก่อสร้างออนไลน์

บานดี้(BAANDY) รุกต่อเนื่องปี 65 เบนเข็มลุยตลาดด้วยแพลตฟอร์ม ออมนิ มาร์เก็ต(Omni Market) ตลาดซื้อ-ขายวัสดุก่อสร้างออนไลน์ ชี้หากวิกฤติโควิด-19 คลี่คลายเล็งต่อยอด 900 ร้านค้าสู่เป้าหมาย 3,000 ร้านค้าทั่วประเทศเพื่อรุกขยายเครือข่ายทางให้ธุรกิจสำเร็จตามแผน 3-5 ปี

นายณัฏฐ์นวัต พันธุกรกวีวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ บานดี้ จำกัด ผู้พัฒนา BAANDY แอปพลิเคชันแพลตฟอร์มซื้อ-ขายวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยกับ www.ucdnews.com ว่าภาพรวมปี 2564 และแนวโน้มปี 2565 ของบานดี้ที่ผ่านมายอมรับว่าตั้งแต่เปิดตัวมาราว 1 ปียังถือว่าไม่เป็นไปตามแผนตามที่กำหนดไว้เนื่องจากปัจจัยโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเนื่องข้ามปี แต่ก็ยังมีข้อดีในสถานการณ์โควิด-19 นี้ด้วยเหมือนกัน โดยจาก 3,000 ร้านค้ายังขับเคลื่อนไปได้ราว 900 ร้านค้า โดยเฉพาะโซนอีสานตอนบนและโซนตะวันออกและส่วนกลางกรุงเทพ-ปริมณฑล

ดังนั้นจึงยังมีโอกาสรุกสู่ภาคอื่นๆได้อีกมากมาย มีเวลาปรับปรุงข้อมูลรูปแบบที่เหมาะสมจากข้อเด่น-ข้อด้อยในการรุกตลาดที่ผ่านมานำไปใช้ได้อย่างสอดคล้องเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะประเด็นการเชื่อมต่อกับระบบออนไลน์ที่ลูกค้าแต่ละรายมีอยู่ได้อย่างไร ปรับฐานราคาให้เหมาะสม การเคลียร์สต็อกเก่าในระบบให้เป็นปัจจุบันมากขึ้น เวลาที่มีอยู่จึงปรับจากระบบออฟไลน์ให้เข้ามาสู่ระบบออนไลน์ได้อย่างเต็มที่จริงๆ พร้อมกับทำระบบบริหารจัดการหน้าร้านให้สอดคล้องกับปัจจุบัน โฟกัสด้านการขาย ระบบบริหารสต็อก ระบบบัญชี จึงตรงตามความต้องการของร้านค้าต่างๆ

ประการสำคัญบานดี้มีการดึงข้อมูลขึ้นไปอยู่บนคราวน์ในระบบออนไลน์จึงสามารถทำการค้าได้อย่างเต็มที่ ลูกค้าสามารถใช้ยูสเซอร์เนม-พาสเวิดเข้าทำงานได้ทุกสถานที่สามารถบริหารจัดการร้านค้าได้อย่างต่อเนื่อง บริหารได้ทั้งระบบออนไลน์และออฟไลน์ได้ทันที นับเป็นโอกาสในช่วงวิกฤตที่เกิดขึ้นช่วง 1-2 ปีนี้โดยเร่งผลักดันออมนิ แพลตฟอร์ม(Omni Platform)ให้สามารถเปิดตัวได้ทันต้นปี 2565 นี้

ดังนั้นแม้จะมีวิกฤติแต่ก็ยังเดินหน้าได้เพราะถือว่าเป็นการทดสอบความพร้อมในหลายๆด้าน จึงพบว่าพฤติกรรมของคนยังใช้บริการออฟไลน์อยู่อีกมากสังเกตได้จากช่วงวิกฤติใน 3-4 เดือนนี้คนจะออกมาใช้บริการนอกบ้านกันมากขึ้น ยังชอบเข้าไปจับจ่ายซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างในห้าง ศูนย์ หรือช้อปปิ้งสโตร์ต่างๆ ตามปกติ ดังนั้นจึงควรใช้ทั้งระบบออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไปได้ เพียงแต่พัฒนาระบบเชื่อมต่อออนไลน์และออฟไลน์ให้เป็นระบบเดียวกันให้ได้

“จึงเป็นโอกาสของบานดี้ที่กระโดดออกไปจากที่คนอื่นมีเวบไซต์อย่างเดียวหรือแอปพิเคชั่นอย่างเดียว ปี 2565 จึงไม่ได้โปรโมทแอปพิเคชั่นบานดี้อย่างเดียวเท่านั้นแต่จะโปรโมทออมนิมาร์เก็ต (Omni Market) ของบานดี้เทอร์มินอลและแอปพิเคชั่นในการบริหารกลุ่มทั้งหมด”

สำหรับปี 2564 ที่ผ่านมาได้มีการปรับเปลี่ยนจากที่อยากจะทำในช่วง 3 ปี ก็เลือกเอามาทำก่อนในปีนี้คือตัวออฟไลน์ระบบบานดี้เทอร์มินอลนั่นเองซึ่งบริหารจัดการทั้งหมดของร้านค้า เรามีระบบเทสต์ของร้านค้าที่ใช้ระบบของบานดี้ทั้งขายหน้าร้านหรือขายออนไลน์ มีการทำโฟกัสกรุ๊ปกับช่าง หากเล่นโปรโมชั่นก็สามารถซื้อได้ทันทีทุกอย่างเป็นข้อมูลของช่างคนนั้น สามารถตรวจสอบจากข้อมูลที่บันทึกไว้ได้โดยไม่ต้องมาค้นหาในภายหลังอีกให้เสียเวลา

ประการสำคัญระบบร้านค้ายังสามารถจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าได้ซึ่งปกติแล้วร้านค้าจะไม่ค่อยจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าเลย เช่น ชอบซื้ออะไร ยี่ห้อไหน มากน้อยอย่างไร ดังนั้นลูกค้าจึงสามารถสั่งมาก่อนล่วงหน้าจึงเป็นระบบที่ก้าวข้ามการขายจากระบบปกติ มาเป็นการขายแบบมีข้อมูลที่จะช่วยการขายเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าการขายวัสดุก่อสร้างในประเทศไทย รุ่นแรกจะเป็นการสร้าง ปัจจุบันขยับมาเป็นรุ่นที่ 2 ซึ่งตอบโจทย์กับระบบบานดี้ที่ใช้งานอยู่ จึงช่วยในการบริหารจัดการได้ดีขึ้น

เล็งต่อยอดสู่ 3,000 ร้านค้าอย่างไรต่อไป

นายณัฏฐ์นวัต กล่าวว่า ปัจจุบันราว 900 ร้านค้าที่อยู่บนแอปพิเคชั่นบานดี้ยังมาใช้ระบบบริหารจัดการตามปกติของบานดี้ได้อีกด้วยดังนั้นหากสามารถทำให้ 900 ร้านค้าขายสินค้าได้ดีขึ้น ขายได้จริงในช่วงนี้ก่อนแล้วค่อยขยายเพิ่มขึ้นให้ครบทั้ง 3,000 ร้านค้าในฐานข้อมูลที่มีอยู่แล้ว จึงเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้ทั้ง 900 ร้านค้าสามารถใช้ข้อมูลในระบบฐานปฏิบัติการได้อย่างชำนาญและพร้อมขยับขยายงานได้ในแต่ละรายมากขึ้นเพื่อให้ฝ่ายขายสามารถปิดการขายได้ทั้งระบบออฟไลน์และออนไลนได้อย่างรวดเร็วขึ้น

“ยอมสร้างจุดแข็งเฉพาะกลุ่มที่มีอยู่แล้ว 900 รายก่อนขยาย หากผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 เร็วเท่าใดก็พร้อมรุกทั่วประเทศได้ทันที บานดี้มองวิกฤติเป็นโอกาสได้สองรูปแบบไว้แล้ว คือช่วงแรกเปิดรุกตลาดทั่วประเทศไปก่อน ค่อยๆเข้าไปสอนการใช้งานระบบ เมื่อเกิดวิกฤติก็คัดเอาเฉพาะส่วนที่มีอยู่มาเทรนนิ่งให้ชำนาญก่อนขยายวงกว้างออกไป ดังนั้นขณะนี้หลายรายจึงพร้อมใช้งานบานดี้และพร้อมรุกกับบานดี้ไปทั่วประเทศ”

โดยช่วงวิกฤตที่ผ่านมาจะเน้นใช้โซเชียลมีเดียเจาะตรงถึงลูกค้า ยิงสินค้าหนักในพื้นที่ที่มี ส่วนสินค้าเบาจะเน้นกระจายไปทั่วประเทศ การใช้โฆษณาในปี 2564 ที่ผ่านมาจึงเน้นกลุ่มเป้าหมายมากกว่าที่จะใช้ระบบโฆษณาทั่วไป ยกตัวอย่างจัดอีเว้นต์ที่จ.กาฬสินธุ์ ก็จะลองนำสินค้าไปรุกตลาดให้ลูกค้าใช้งานในพื้นที่กาฬสินธุ์ เนื่องจากถูกจำกัดการเดินทางข้ามพื้นที่นั่นเอง

มองแนวโน้มปี 65 ไว้อย่างไร

นายณัฏฐ์นวัตกล่าวในเรื่องนี้ว่า มองไว้เป็น 2 รูปแบบ คือ ระบบแรกเป็นเคสสำคัญที่พร้อมบูมตลาดได้ทันที ให้สามารถโปรโมทได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ คงจะไม่รุกออนไลน์อย่างเดียวเช่นรายใหญ่ๆ แต่จะเน้นเจาะพื้นที่มากกว่า เน้นใช้เทคโนโลยีผ่านรูปแบบการสัมมนา เน้นจัดอีเวนต์มากขึ้น หากเป็นรูปแบบที่ลดน้อยลงมาจะใช้ออนไลน์ในการสื่อสารมากขึ้น ดังนั้นสินค้าชูธงอย่างออมนิ (OMNI) จึงถือว่าเหมาะสมเพื่อช่วยให้สามารถบริหารจัดการร้านค้าได้มากขึ้น อีกทั้งยังมีพาร์ทเนอร์หลากหลายแบรนด์ เช่น กลุ่ม ORC เพื่อช่วยเติมเต็มช่องทางแก่กันและกัน นั่นเอง

แนวทางการขยายช่องทางตลาดใหม่ๆเพื่อขยายฐานลูกค่าเพิ่ม

นายณัฏฐ์นวัต กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หากเป็นไปตามระบบแรกยังตั้งเป้าไว้ 3,000 ร้านค้า กับ 4 หมื่นรายการสินค้า ปัจจุบันมี 900 ร้านค้า ราว 1.5 หมื่นรายการ ยังห่างกันพอสมควร แต่ 1.5 หมื่นรายการหากคิดมูลค่าราว 1,000 ล้านบาทจึงมีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้อีก และสามารถเพิ่มเป็นหลักหมื่นล้านบาทได้อย่างตรงตามความเป็นจริงมากขึ้น จึงเน้นทำโปรโมทการขายให้ตรงเป้า หากเป็นรูปแบบที่สอง คงต้องมองว่าจังหวะไหนที่เจอวิกฤติก็จะเป็นการพัฒนาระบบให้พร้อมลุยในขณะนั้นได้เลย

มองกลุ่มอสังหาฯ-รับเหมาไว้อย่างไรบ้าง

กรณีที่จะช่วยลด-เพิ่ม สร้างความรวดเร็วให้ได้อย่างไรต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้อย่างไรบ้างนั้นต่อเรื่องนี้นายณัฏฐ์นวัตกล่าวว่า จริงๆบานดี้จะเน้นเหมือนรีเทล ไม่ค่อยเน้นโปรเจ็กต์มากนัก รายใหญ่จะลงมาสู้ราคากันรุนแรงมาก บานดี้จะเน้นตลาดรับเหมารายย่อยที่อยู่นอกเมือง ลุยกับร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่ผันตัวจากร้านค้าวัสดุก่อสร้างมาพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร ซึ่งผู้รับเหมาโครงการสามารถใช้บริการบานดี้ผ่านระบบออมนิได้ทันทีเป็นการแชร์การตลาดได้อีกทางหนึ่งด้วย

“โครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล บานดี้จะได้อานิสงส์ทางอ้อม บานดี้ไม่ถือเป็นคู่แข่งกับแบรนด์ใดๆ แต่สามารถเข้าได้กับทุกพาร์ทเนอร์ จึงเน้นเจาะรายย่อยมากกว่ารายใหญ่”

แอปฯบานดี้เสริมธุรกิจให้ลูกค้าได้อย่างไรบ้าง

นายณัฏฐ์นวัตยืนยันในเรื่องนี้ว่า จะเปิดตัวระบบออมนิมาร์เก็ตในเร็วๆนี้ เพื่อช่วยให้การบริหารจัดการต่างๆได้คล่องตัวและรวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะข้อมูลสต็อกต่างๆ นำสินค้าค้างสต็อกออกมาขายผ่านระบบออนไลน์ได้อีกทางหนึ่งด้วย ยกระดับจากปกติขึ้นไปสู่การพัฒนาอีกระดับหนึ่ง ผ่านระบบบริหารจัดการระบบบานดี้เทอร์มินัล สินค้าคงค้างก็ยังโยนมาไว้บนออนไลน์ให้ผู้สนใจมาช้อปไปได้อีกด้วย จึงเป็นการช่วยร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่มีโอกาสแข่งขันรายใหญ่ในตลาดได้ยากนั้นมีทางออกได้อีกทางหนึ่งด้วย พัฒนาร้านค้าขนาดเล็กให้มีช่องทางขยายใหญ่ขึ้นได้ ระบบบานดี้จึงทำในสิ่งที่เห็นว่ายากให้ง่ายขึ้นสำหรับร้านค้าขนาดเล็กตามหมู่บ้านหรือชุมชนต่างๆ มีนักวิเคราะห์การตลาดมาช่วยถึงที่โดยที่ร้านค้าแทบจะไม่ต้องมีข้อมูลไว้เลยก็สามารถซื้อ-ขายสินค้าได้อย่างรวดเร็วขึ้น ร้านค้ายังสามารถบริหารจัดการการซื้อ-ขายสินค้าในแต่ละเดือนได้ตรงตามความต้องการจริงมากขึ้น บริหารสต็อกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“บานดี้จัดว่าเป็นกลุ่มสตาร์ทอัพด้านบริหารจัดการเทคโนโลยีรูปแบบแพลตฟอร์มทันสมัยให้ลูกค้าซื้อ-ขายสินค้าได้ง่ายขึ้น ลงทุนนิดหน่อยจัดเก็บค่าใช้ระบบไม่แพงจนเกินไป เน้นทุกคนได้ทั่วถึงกันโดยไม่ต้องไปเสียค่าซื้อซอฟ์ทแวร์ราคาแพง เนื่องจากจะต้องมีเสียค่าอัพเดทซอฟ์ทแวร์อีกต่อหนึ่ง บานดี้สามารถจ่ายรายเดือนแล้วใช้ระบบขายหน้าร้านไปได้เลย จ่ายแล้วยังเอาสินค้าขึ้นโชว์บนแพลตฟอร์มได้อีกด้วย”

ตั้งเป้ารุกปี 65 ไว้อย่างไรบ้าง

นายณัฏฐ์นวัต กล่าวว่า จะเดินตลาดเชิงรุกโซนภาคตะวันตกก่อนเพราะเห็นว่าเป็นศูนย์รวมการซื้อ-ขายสินค้าที่น่าสนใจ คนซื้อจะอยู่ในพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ จากนั้นค่อยต่อยอดไปภาคเหนือและภาคใต้ หากวิกฤติกลับเข้าสู่ภาวะปกติภาคเหนือจะรุกได้เต็มที่แต่ต้องมองจังหวะให้ดี โควิด-19 รอบ 3 รอบ 4 หรืออาจมีรอบ 5 ยังไม่มีใครบอกได้จึงต้องมีแผนรองรับไว้ในการขับเคลื่อนธุรกิจของแต่ละจังหวะ

“วิกฤต 2-3 ปีที่ผ่านมาจะถือว่ากระทบโอกาสของบานดี้ด้วยเช่นกัน แต่ยังมีโอกาสดีแฝงเอาไว้ด้วย โดยเฉพาะการรุกอย่างระมัดระวังมากขึ้น ทดแทนด้วยโอกาสในการพัฒนาแอปฯ ให้ระบบหลังบ้านมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ระยะ 3-5 ปีตามแผนเดิมยังพร้อมเปิดให้นักลงทุนในพื้นที่เข้ามาร่วมทุนกับบานดี้ได้ด้วยหากแอปถึงจุดสมดุลแล้ว ดังนั้นบานดี้จึงยังพร้อมขยายเนตเวิร์คเชื่อมหลากหลายกลุ่มมากขึ้น สิ่งสำคัญการพัฒนาแอปฯไม่ใช่สิ่งง่ายๆเลย เพราะความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญ เราเชื่อมั่นในการคลุกคลีวงการวัสดุก่อสร้างมานาน และรู้แกนหลักและจุดแข็งของธุรกิจเป็นอย่างดีจึงมุ่งเน้นคิดค้นพัฒนาแอปฯที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านการซื้อ-ขายวัสดุก่อสร้างจริงๆในแบรนด์บานดี้นั่นเอง” นายณัฏฐ์นวัต กล่าวในตอนท้าย