“พฤกษา” ตั้งเป้า 3.2 หมื่นล้าน ผสานธุรกิจสุขภาพ สร้างชุมชนครบวงจร
พฤกษา ประกาศแผนปี’64 ตั้งเป้ายอดขายและรายได้ 3.2 หมื่นล้านบาท เล็งเปิด 29 โครงการใหม่ มูลค่า 26,630 ล้านบาท ตุนยอดรอรับรู้รายได้ราว 2.2 หมื่นล้าน ผสานธุรกิจ Health Care ในโครงการ
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยแผนธุรกิจและกลยุทธ์ในปี 2564 วางไว้เป็นปีแห่งการสร้างมูลค่า ”A Year of Value” ในแง่ลูกค้าได้สินค้าคุณภาพในราคาถูก ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังเสริมคุณค่าด้านอื่นๆ ที่ตอบสนองความต้องการลูกค้าที่หลากหลาย เช่น ร้านอาหาร ไลฟ์สไตล์มอลล์ และที่สำคัญคือการร่วมมือกับโรงพยาบาลวิมุต ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือพฤกษา เปิดศูนย์ดูแลสุขภาพ ประกอบด้วยคลีนิค ศูนย์กายภาพ ศูนย์ดูแลและบริบาลผู้สูงอายุ รวมทั้งการให้บริการดูแลสุขภาพถึงบ้าน ในโครงการพฤกษา เพื่อสร้างชุมชนให้น่าอยู่และตอบสนองการใช้ชีวิตของลูกค้าอย่างครบวงจร
ด้านสถานการณ์เศรษฐกิจในปีนี้มีปัจจัยบวกจากวัคซีนป้องกันโควิด-19 หลายประเทศได้รับวัคซีนไปแล้ว ซึ่งจะเป็นผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ พร้อมกันนี้ภาครัฐยังมีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามประเมินว่าเศรษฐกิจของไทยในปีนี้เติบโตไม่มากประมาณ 2-3% เพราะการติดเชื้อโควิด-19 ยังมีต่อเนื่อง หนี้เสียและหนี้ครัวเรือนสูง ส่วนธุรกิจอสังหาฯจะเติบโตประมาณ 10%
สำหรับพฤกษาฯ ตั้งเป้ายอดขายและรายได้ ที่ 32,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 45% และ 9% ตามลำดับ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวม 29 โครงการ มูลค่า 26,630 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 17 โครงการ บ้านเดี่ยว 8 โครงการ และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ
กลยุทธ์ที่สำคัญคือการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่เหมาะสม อยู่ในระดับ 7-8 หมื่นล้านบาท โดยที่ปีนี้ยังใช้กลยุทธ์ด้านราคาและโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง ถัดมา สร้างคุณค่าในโครงการ และการผนวกธุรกิจด้านสุขภาพ ซึ่งจะร่วมมือกับโรงพยาบาลวิมุต
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทฯ สามารถทำยอดขายได้ 21,968 ล้านบาท รายได้ 29,244 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,771 ล้านบาท เปิดตัวโครงการทั้งสิ้น 13 โครงการ มูลค่า 15,756 ล้าน มียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่าสูงถึง 21,940 ล้านบาท โดยสามารถลดสินค้าคงค้างไปได้ถึง (Inventory) 41% จากปลายปี 2562 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาส 4 ที่ใช้กลยุทธ์ทางด้านราคาผนวกกับโครงการฮีโร่โปรเจค (Hero Projects) โดยทุ่มงบการตลาดไปยังโครงการที่มีศักยภาพสูง ทำให้รายได้ในไตรมาส 4 มีมูลค่า 9,584 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาส 3 ถึง 51% พร้อมทั้งทำยอดขาย 5,807 ล้านบาท เติบโต 409% เมื่อเทียบกับยอดขายไตรมาสเดียวกันในปี 2562
จากความสำเร็จจากไตรมาสที่ผ่านมา ส่งผลให้ในต้นปีนี้ พฤกษายังคงใช้กลยุทธ์ทางด้านราคาและโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง ปล่อยแคมเปญในไตรมาสแรก “มหกรรมแจกฟรี PRUKSA FREE FEST” มอบสิทธิ อยู่ฟรี นานสูงสุดถึง 36 เดือน หรือ ดอกเบี้ยฟรี 0% สูงสุด 36 เดือน หรือ ฟรี ค่าส่วนกลาง สูงสุดนานถึง 36 เดือน (เงื่อนไขตามที่แต่ละโครงการกำหนด) สำหรับลูกค้าที่จองและโอนที่อยู่อาศัยภายใน 31 มี.ค. นี้เท่านั้น โดยพฤกษาเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ให้ลูกค้าทั้งหมด ซึ่งมีโครงการทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมที่เข้าร่วมแคมเปญทั่วประเทศมากกว่า 1 พันยูนิต มูลค่ารวมอยู่ที่ 3,377 ล้านบาท
“เชื่อว่าแคมเปญนี้กระตุ้นการตัดสินใจ และช่วยบรรเทาความกังวลสำหรับคนที่อยากมีบ้านได้ดี ประกอบกับมาตรการรัฐที่ขยายระยะเวลาลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% ซึ่งถือเป็นกำไรเพิ่มอีกขั้นสำหรับลูกค้า อย่างไรก็ตามเห็นว่าหากภาครัฐมีการขยายเพดานไปยังบ้านราคา 3-5 ล้านบาทด้วย มาตรการดังกล่าวน่าจะช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ และช่วยเหลือคนไทยที่อยากมีบ้านได้มากขึ้นไปอีก”
นายปิยะกล่าวอีกว่า สุดท้ายด้วยผลประกอบการในปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ มีมติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.96 บาท โดยจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.31 บาท จึงคงเหลือจ่ายเงินปันผลในรอบนี้ในอัตราหุ้นละ 0.65 บาท โดยจะนำเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายน 2564
ด้านนายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิมุต โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้าธุรกิจโรงพยาบาลวิมุต พหลโยธิน ว่า “พร้อมเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคม 2564 นี้ “โดยโรงพยาบาลวิมุต พหลโยธิน ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจของกรุงเทพมหานคร บนพื้นที่ 4 ไร่ ริมถนนพหลโยธิน ติดสี่แยกสะพานควาย เป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ ที่สามารถรักษาโรครุนแรง และซับซ้อนได้ ขนาด 18 ชั้น จำนวน 236 เตียง ออกแบบตามมาตรฐานสากล JCI มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รักษาได้ตรงจุดด้วยเทคโนโลยี และเครื่องมือที่ทันสมัย โดยมีค่าใช้จ่ายที่เข้าถึงได้ มีศูนย์เฉพาะทางที่โดดเด่นคือ ศูนย์กระดูก หัวใจ สมอง ศูนย์เบาหวานครบวงจร และจัดตั้ง ศูนย์ผู้สูงอายุ เพื่อตอบโจทย์การเป็นสังคมผู้สูงอายุ รวมทั้งให้ความสำคัญกับกลุ่มโรค NCDs (โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง) ซึ่งมีสถิติการเจ็บป่วยสูงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างรวดเร็ว มีแพทย์ประจำครอบครัวดูแลสมาชิกในครอบครัวแบบองค์รวม มี Transitional care ฟื้นฟูหลังการเจ็บป่วย เพื่อเตรียมผู้ป่วยก่อนกลับบ้าน รวมทั้งเปิด Nursing Home ในโรงพยาบาล
เพื่อการเติบโตและก้าวหน้าของธุรกิจโรงพยาบาล ล่าสุดโรงพยาบาลวิมุตได้เข้าลงทุนในโรงพยาบาลเทพธารินทร์ ถนนพระราม 4 ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงเชี่ยวชาญในด้านโรคเบาหวานและต่อมไร้ท่อมานานกว่า 36 ปี เพื่อรวมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และองค์ความรู้มาพัฒนาศูนย์เบาหวานครบวงจรให้มีความเป็นเลิศ รวมทั้งขยายผล การป้องกัน ดูแลรักษา สู่สังคมให้กว้างขวางยิ่งขึ้นต่อไป