บิ๊กทุนไทย-จีน ยังเชื่อมั่นพัทยา ซุ่มแผนรุกโครงการใหญ่
ทุนยักษ์อสังหาฯไทย-จีนจ่อลุยโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่พัทยา หลังเมกะโปรเจกต์อีอีซี คืบหน้าทั้งเมืองการบิน ท่าเรือน้ำลึก
ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่พัทยาร้อนแรงอย่างมากในปี 2562 โดยมีโครงการเปิดขายใหม่มากกว่า 15,500 ยูนิต ตามการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจีนเป็นกลุ่มหลักที่ขับเคลื่อนตลาดทั้งสองให้ขยายตัวอย่างเด่นชัด หลังจากที่ตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยาชะลอตัวไปกว่า 4 ปีก่อนหน้านั้น อาจเป็นผลมาจากการผลักดันแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกของประเทศไทย หรือ EEC ที่รัฐบาลผลักดันอย่างเต็มที่ในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับแรงหนุนของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่มีความคืบหน้าและชัดเจนมากขึ้นเป็นลำดับ ทั้งนี้การเซ็นสัญญาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) และรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก มูลค่า 290,000 ล้านบาท รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างต่อเนื่องและจริงจังล้วนเป็นปัจจัยบวกทั้งสิ้น
นอกจากนี้สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐอเมริกา เป็นอีกหนึ่งแรงกระตุ้นให้นักลงทุนจีนตัดสินใจลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น และไทยถือเป็นประเทศเป้าหมาย ล้วนเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนมากขึ้นในปี 2562 ที่ผ่านมาและในอนาคต
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่ามีผู้ประกอบหลายรายสนใจทำเลย่านจอมเทียน โดยอยู่ระหว่างขั้นตอนการพัฒนาโครงการใหม่เพื่อเปิดตัวในอนาคต เช่น Lunic Real Estate Co.,Ltd ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่มากกว่า 1,400 ยูนิต และ Interstellar Co.,Ltd อีกประมาณ 300 ยูนิต เป็นต้น เนื่องจากทำเลนี้ราคาที่ดินยังไม่สูงมากเมื่อเทียบกับในทำเลพัทยาใจกลางเมือง หรือทำเลย่านวงศ์อมาตย์ และยังมีที่ดินศักยภาพที่รอการพัฒนาอีกเป็นจำนวนมาก
รวมถึงพบว่าผู้ประกอบการหลายรายมีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ ซึ่งบางโครงการมีหน่วยขายมากกว่า 2,000 ยูนิต โดยทำเลย่านนี้ยังคงมีโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายอีกกว่า 50 โครงการ ผู้ประกอบการหลายรายตัดสินใจหยุดการขายและการก่อสร้างโครงการของตัวเองชั่วคราวในพื้นที่จอมเทียน เนื่องจากหลายปัจจัยลบที่เข้ามากระทบทั้งปัญหาเรื่องของการขาดเงินทุน รวมถึงยอดการขายไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ บางรายมีการประกาศขายโครงการให้แก่ผู้ประกอบการรายใหญ่เพื่อนำไปพัฒนาต่อไปและพบว่าหลายโครงการมีการเปลี่ยนมือไป และเตรียมที่จะนำกลับมาพัฒนาอีกครั้งโดยผู้ประกอบการขนาดใหญ่ในพื้นที่
สำหรับพื้นที่อื่น ผู้ประกอบการรายใหญ่อย่าง บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) เตรียมพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ใจกลางเมืองพัทยา ซึ่งจะเริ่มก่อสร้าง 2563 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 4-5 ปี เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าหลังแผนพัฒนา EEC ที่รัฐบาลผลักดันอย่างเต็มที่ในช่วงที่ผ่านมา และนอกจากนี่ยังมีกลุ่มทุนขนาดใหญ่อีกหลายรายที่กำลังมองหาที่ดินเพื่อพัฒนาเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ในพื้นที่พัทยา ซึ่งจากปัจจัยเหล่านี้ล้วนกระตุ้นให้ตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยากลับมาคักคักเป็นอย่างมากในอนาคต
สำหรับกลุ่มผู้ซื้อคอนโดมิเนียมในพัทยา ยังคงเป็นลูกค้าต่างชาติโดยมี ”จีน” เป็นกำลังซื้อหลัก นอกจากนี้ยังมีชาติเอเชียด้วย ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมา 1-2 ปี กลุ่มผู้ซื้อต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน เป็นกลุ่มผู้ซื้อหลักของตลาดคอนโดมิเนียมพัทยา ที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่พยายามจะดึงดูดลูกค้าต่างชาติเหล่านี้ให้มาลงทุนในโครงการตนเองผ่านทางเอเจนซี่ในพื้นที่และเอเจนซี่จากกรุงเทพมหานคร ทดแทนกำลังซื้อคนไทยที่ชะลอตัวลงทั้งจากภาพรวมเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงขาลง รวมถึงผลกระทบจากมาตรการ LTV หลักเกณฑ์ใหม่ที่ทำให้กำลังซื้อในส่วนที่ลูกค้าที่ต้องการคอนโดมิเนียมไว้สำหรับการพักผ่อนเป็นบ้านหลังที่ 2 ชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป
จากกำลังซื้อของต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนที่เข้ามาเป็นจำนวนมากสำหรับตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยาในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้โควต้าต่างชาติของโครงการคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ในพัทยาเต็ม 49% ในทุกพื้นที่ เหลือแค่บางโครงการในพื้นที่จอมเทียนและนาจอมเทียนเท่านั้น