คอนโด-บ้านพร้อมอยู่ ”ท่วมกรุง” ผู้ประกอบการเร่งระบายของ

คอนโด-บ้านพร้อมอยู่ ”ท่วมกรุง”
ผู้ประกอบการเร่งระบายของ
 
ปี 2563 เป็นปีที่ยากลำบากในการทำธุรกิจของทุกประเทศทั่วโลก เพราะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีผลต่อการใช้ชีวิตของคนโดยทั่วไปที่จำเป็นต้องแตกต่างจากวิถีชีวิตปกติ และมีผลต่อความเชื่อมั่นทั้งต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว และความเชื่อมั่นต่อรายได้หรือสถานะการทำงานของตนเอง

ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้มีผลต่อการใช้จ่ายของคนในประเทศ และมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย ซึ่งแน่นอนเกิดการหดตัวแบบทันทีทันใดในไตรมาสที่ 2 2563 และคงอยู่ในช่วงชะลอตัวแบบรุนแรงต่อเนื่องต่อไปตลอดทั้งปีนี้ แม้ว่าปี 2564 ก็ยังคงไม่ฟื้นตัวทันที แต่อยู่ในภาวะชะลอตัวต่อเนื่อง เพราะว่าปัจจัยลบต่างๆ ยังคงมีอยู่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป และอาจจะมีปัญหาการเมืองเพิ่มเติมเข้ามาอีก

ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยมีความหวังว่าจะฟื้นตัวหรือดีขึ้นในปี 2564 เมื่อการท่องเที่ยวและการส่งออกของประเทศไทยกลับสู่ภาวะปกติ แต่ก็ต้องขึ้นกับสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 ด้วย
 
1 ในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบแบบชัดเจนและค่อนข้างรุนแรงคือ อสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะที่อยู่อาศัย เพราะเมื่อคนไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจในระยะยาวจะใช้จ่ายลดลง อีกทั้งการซื้อที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นการสร้างภาระผูกพันระยะยาวก็จะลดลงด้วย

จริงอยู่ที่อาจจะมีคนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงนี้ แต่จำนวนจะน้อยมากเมื่อเทียบกับช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือภาวะปกติ

ชัดเจนจากผลประกอบการของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ไตรมาส 1 รายได้และกำไรลดฮวบเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งในไตรมาส 2 ที่ทยอยประกาศผลก็คงไม่กระเตื้องกว่าไตรมาสก่อนหน้า ที่ลดลงระดับ double digit ในรอบ 10 ปีนี้ก็ว่าได้

เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง ดังนั้นในครึ่งปีแรกจะเห็นผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องการเงินสดจากการขายบ้านหรือคอนโดมิเนียม ไม่ได้ต้องการเพิ่มค่าใช้จ่ายของตนเอง แต่พยายามลดค่าใช้จ่ายตนเองลงมาให้มากที่สุด

การชะลอการเปิดขายโครงการใหม่ออกไปจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในช่วงนี้ และการเร่งปิดการขายหรือระบายบ้านและคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในปัจจุบันหรือในเวลาไม่นานจากนี้ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่สุด

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการหลายรายยังมีบ้านและคอนโดมิเนียมเหลือขายอยู่ไม่น้อย แม้ว่าจะมีการลดราคาหรือจัดโปรโมชั่นในช่วง 2 – 3 เดือนที่ผ่านมาเพื่อระบายสินค้ากันไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังคงมีบ้านและคอนโดมิเนียมพร้อมขายในตลาดอีกไม่น้อย
 
นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด เปิดเผยว่า “ผู้ประกอบการรายใหญ่ 20 รายในตลาดหลักทรัพย์มีบ้านและคอนโดมิเนียมพร้อมเข้าอยู่และที่กำลังก่อสร้างรวมๆ กันไม่น้อยกว่า 5 แสนล้านบาท ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้ ผู้ประกอบการทุกรายต้องการเปลี่ยนยูนิตเหลือขายที่พร้อมเข้าอยู่ทันทีหรือในอีกไม่นานจากนี้เป็นรายได้ เพื่อจะได้มีเงินหมุนเวียนภายในบริษัทรวมไปถึงเพื่อที่จะได้เงินเข้ามาชดเชยรายได้ที่ลดลงจากการเปิดขายโครงการใหม่ “

ถึงแม้ผู้ประกอบการหลายรายจะยอมลดราคาขายของยูนิตเหล่านี้ลงมาก็ตามเพื่อเร่งระบายสต็อกคงค้าง ซึ่งทิศทางการเร่งปิดการขายยูนิตรูปแบบนี้น่าจะยังคงมีให้เห็นต่อเนื่องต่อไปถึงปี 2564 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจคงยังไม่ฟื้นตัวหรือว่ากลับมาดีขึ้นแบบทันทีทันใด เพราะอย่างที่บอกไปในตอนต้นว่าปัจจัยลบต่างๆ ยังคงมีอยู่ และอาจจะมีเรื่องของการเมืองเข้ามากดดันเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีกในช่วงที่เหลือของปี และในปี 2564
 
จึงไม่แปลกที่ผู้ประกอบการ 5 รายใหญ่ที่มีมูลค่าของยูนิตพร้อมอยู่และที่กำลังก่อสร้างรวมกันมากถึงประมาณ 305,692 ล้านบาทคิดเป็น 56% ของมูลค่าทั้งหมดของผู้ประกอบการ 20 ราย เลือกที่จะชะลอการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมออกไปก่อนในปี 2563 รวมไปถึงผู้ประกอบการรายอื่นๆ ด้วย แม้ว่าจะยังคงมีการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมใหม่บ้างในช่วงที่ผ่านมา แต่จำนวนโครงการลดน้อยลงไปแบบชัดเจนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

อีกด้านผู้ประกอบการหลายรายเพิ่มสัดส่วนการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรเพิ่มขึ้นแบบชัดเจน และมีหลายรายที่เน้นที่โครงการทาวน์เฮ้าส์ในระดับราคาไม่เกิน 4 ล้านบาทต่อยูนิต
 
ปี 2564 คงเป็นอีกปีที่ผู้ประกอบการจะยังเลือกระบายสต็อกคงค้างออกไปให้มากกว่าการเปิดขายโครงการใหม่ แต่จำนวนโครงการเปิดขายใหม่นั้นมีความเป็นไปได้ที่จะมากกว่าปี 2563 ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจในประเทศ รวมไปถึงในระดับโลกด้วย เพราะถ้าประเทศต่างๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องของโควิด-19 แล้ว การใช้ชีวิตต่างๆ จะกลับมาสู่ภาวะปกติมากขึ้น เพียงแต่ยังคงต้องจับตาดูช่วงเวลาที่เหลือของปีต่อไป