ผู้ว่าฯชัชชาติ สั่งทะลวงท่อไขมันทั่วกทม.เพื่อป้องกันน้ำท่วม
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ สั่งลุย!!! ยุทธการปราบไขมันอุดตันป้องกันน้ำท่วม กำชับ 50 เขตตรวจเชิงรุกสถานประกอบการ-ร้านอาหาร(จำนวนทั้งสิ้น 5,217 แห่ง) ติดตั้งถังดักไขมันให้ได้ครบ 100 แห่งภาย มี.ค. 68 และให้ตรวจทั้งหมดให้แล้วเสร็จ 100% พร้อมรายงานผลภายในเดือน พ.ค. 68 ผู้ฝ่าฝืนเจอดำเนินคดีตามกฎหมาย หนักสุดให้หยุดประกอบการทันที และหากยังคงไม่ปฏิบัติตามอีก สำนักงานเขตจะรวบรวมหลักฐานส่งดำเนินคดีแน่
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 3/2568 ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า เขตพระนคร พร้อมกับเปิดเผยว่าสำหรับเรื่องสำคัญในช่วงนี้ขอให้ทุกเขตเดินหน้า “ยุทธการปราบไขมันอุดตันป้องกันน้ำท่วม” อย่างจริงจัง สำรวจตรวจสอบสถานประกอบการ ร้านอาหาร ตลาด ไม่ให้ทิ้งไขมันลงท่อระบายน้ำและคลอง พร้อมให้ทำการประชาสัมพันธ์การดำเนินการอย่างต่อเนื่องด้วย นอกจากนี้ ขอให้เขตสำรวจคลองที่มีปัญหาเรื่องน้ำทิ้งและขยะ แล้วรวบรวมรายชื่อคลองเป้าหมายรายงานให้ปลัดกรุงเทพมหานครทราบภายในสัปดาห์นี้ เพื่อร่วมกันดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเข้มข้นต่อไป
รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า ในส่วนของสำนักงานเขตต่าง ๆ ทั้งเขตที่มีสถานประกอบการกลุ่มเป้าหมายมากกว่า 100 แห่ง และเขตอื่น ๆ ที่เหลือ ขอให้แต่ละเขตตรวจสถานประกอบการกลุ่มเป้าหมายให้ได้ครบ 100 แห่ง ภายในเดือน มี.ค. 68 และให้ตรวจทั้งหมดให้แล้วเสร็จ 100% พร้อมรายงานผล ภายในเดือน พ.ค. 68
จากนั้น ที่ประชุมได้รายงานความคืบหน้าการตรวจสถานประกอบการที่มีการจำหน่ายอาหารเพื่อแก้ไขปัญหาไขมันอุดตันในท่อระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยแนวทางการกำกับดูแลสถานประกอบการพื้นที่เป้าหมายที่มีการจำหน่ายอาหาร ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มีดังนี้ 1. ตรวจใบอนุญาต/หนังสือรับรองการแจ้งสถานประกอบการที่มีการจำหน่ายอาหาร โดยหากพบว่าไม่มีใบอนุญาต/หนังสือรับรองการแจ้ง เจ้าหน้าที่จะออกแบบตรวจแนะนำ (นส.1) ให้ผู้ประกอบการยื่นขออนุญาต ภายใน 7 วัน หากไม่ปฏิบัติตาม ผู้อำนวยการเขตจะออกคำสั่งตามมาตรา 45 ให้หยุดประกอบการทันที และหากยังไม่ปฏิบัติตาม สำนักงานเขตรวบรวมหลักฐานส่งดำเนินคดี 2. ตรวจสุขลักษณะว่ามีการติดตั้งบ่อ/ถังดักไขมันหรือไม่ ใช้การได้ดีหรือไม่
โดยจากการรายงานของสำนักงานเขตพบว่า มีสถานประกอบการที่มีการจำหน่ายอาหารในพื้นที่ 50 เขต จำนวนทั้งสิ้น 5,217 แห่ง แบ่งตามประเภทสถานประกอบกิจการ ได้แก่ ร้านอาหาร 4,500 แห่ง (86.3%) สะสมอาหาร 341 แห่ง (6.5%) แผงลอย 214 แห่ง (4.1%) และตลาด 162 แห่ง (3.1%) (ข้อมูล ณ วันที่ 4 มี.ค. 68)
สำหรับความก้าวหน้าการตรวจสถานประกอบการที่มีการจำหน่ายอาหาร ระหว่างวันที่ 3 – 4 มี.ค. 68 จากทั้งหมด 5,217 แห่ง ดำเนินการตรวจแล้ว 721 แห่ง พบว่าผ่านเกณฑ์ คือ มีถังดักไขมันและใช้การได้ดี 665 แห่ง (มีใบอนุญาต 646 แห่ง ไม่มีใบอนุญาต 19 แห่ง) ไม่ผ่านเกณฑ์ คือ มีถังดักไขมันแต่ใช้การไม่ได้หรือชำรุด หรือไม่มีถังดักไขมัน 56 แห่ง (มีใบอนุญาต 32 แห่ง ไม่มีใบอนุญาต 24 แห่ง)
ในส่วนของการดำเนินการกรณีสถานประกอบการที่มีการจำหน่ายอาหารไม่ผ่านเกณฑ์การตรวจสุขลักษณะบ่อ/ถังดักไขมัน กรณีมีใบอนุญาต/หนังสือรับรองการแจ้ง เจ้าหน้าที่จะออกแบบตรวจแนะนำ (นส.1) ให้แก้ไข/ปรับปรุง ภายใน 7 วัน หากไม่ปฏิบัติตาม ผู้อำนวยการเขตจะออกคำสั่งตามมาตรา 45 ให้แก้ไข/ปรับปรุง ภายใน 7 วัน หากยังไม่ปฏิบัติตาม ผู้อำนวยการเขตจะออกคำสั่งตามมาตรา 45 ให้หยุดประกอบการทันที และหากยังคงไม่ปฏิบัติตามอีก สำนักงานเขตจะรวบรวมหลักฐานส่งดำเนินคดี กรณีไม่มีใบอนุญาต/หนังสือรับรองการแจ้ง ผู้อำนวยการเขตจะออกคำสั่งตามมาตรา 45 ให้หยุดประกอบการทันที ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตาม สำนักงานเขตจะรวบรวมหลักฐานส่งดำเนินคดี
นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ได้แจ้งเรื่องสำคัญอื่น ๆ ในที่ประชุมว่า เมื่อเช้านี้มีเหตุไฟไหม้บริเวณซอยประวิทย์และเพื่อน 8/1 เขตพระโขนง โดยบริเวณดังกล่าวเป็นกองขยะ ซึ่งเป็นแหล่งที่อาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้ได้ง่าย ฉะนั้นขอให้ทุกสำนักงานเขตเอาจริงเอาจังกับเจ้าของพื้นที่ ไม่ให้มีการสะสมขยะแบบนี้ ให้สำรวจจุดที่มีความเสี่ยงในพื้นที่เขต โดยได้ให้อำนาจผู้อำนวยการเขตประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญเพื่อให้สามารถใช้มาตรการที่เด็ดขาดเข้าไปดำเนินการ อย่างไรก็ตาม หากแก้ไขไม่ไหวให้ประสานมาที่ส่วนกลางเพื่อร่วมกันดำเนินการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ขอให้ทุกเขตแจ้งจุดที่มีขยะหรือมีความเสี่ยงเกิดเพลิงไหม้ในพื้นที่ พร้อมรายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้ปลัดกรุงเทพมหานครทราบด้วย
จับมือ ตำรวจ-ขบ.รณรงค์ด้านวินัยจราจร
เรื่องต่อมา กรุงเทพมหานครจะมีการรณรงค์เกี่ยวกับวินัยจราจร โดยบูรณาการร่วมกันกับตำรวจและกรมการขนส่งทางบกในเรื่องต่าง ๆ อาทิ ไม่ให้จอดในที่ห้ามจอด ไม่ให้จอดล้ำทางม้าลายบริเวณไฟเขียวไฟแดง ไม่ให้มีการขับขี่บนทางเท้า ให้มีการจอดให้คนข้าม ซึ่งจะเน้นจุดพื้นที่ที่มีปัญหาจราจรก่อนและทำพร้อมกันทั้ง 50 เขต จึงขอให้เขตเลือกจุดเป้าหมายและแจ้งเข้ามา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขอความร่วมมือกับตำรวจและกรมการขนส่งทางบก ตลอดจนเตรียมความพร้อมเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จำเป็น