บิ๊กเนมชิงเค้กทาวน์เฮ้าส์ราคา 3-5 ล้าน

ตลาดทาวน์เฮ้าส์ระอุ บิ๊กดีเวลลอปเปอร์โดดลุยกลุ่มระดับราคา 3-5 ล้านบาท รองรับลูกค้าวัยทำงานที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมากกว่าคอนโด คอลลิเออร์ส์ฯชี้ทาวน์เฮ้าส์กลับมาเป็นดาวเด่นช่วงครึ่งปีหลัง

“ถึงแม้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ที่ผ่านมา จะเป็นปีที่ค่อนข้างยากลำบากของผู้ประกอบการในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องเผชิญกับปัจจัยลบต่างๆมากมายที่เข้ามากระทบ อย่างไรก็ตามสำหรับตลาดบ้านจัดสรร ผู้ประกอบการหลายรายกลับมียอดขายที่สูงขึ้นในแทบทุกระดับราคาและทุกประเภท หลายโครงการสามารถปิดการขาย 100% ในช่วงครึ่งแรกของปีที่ผ่านมา และอีกหลายโครงการสามารถปิดการขายได้สูงกว่าเป้าที่วางไว้ ทั้งยอดการขายและยอดการโอนกรรมสิทธิ์ ส่งผลให้ผู้ประกอบการขนาดใหญ่หลายรายมีการปรับเพิ่มยอดขายจากเดิมที่เคยวางไว้ในช่วงต้นปี และยังคงเดินหน้ามองหาที่ดินสำหรับการนำพัฒนาโครงการแนวราบอย่างต่อเนื่องในครึ่งหลังของปี”

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการแผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย วิเคราะห์ยอดการขายและยอดการโอนกรรมสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้ประกอบการรายใหญ่บางรายว่า เนื่องจากการชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปีที่ผ่านมา และหันมาปรับกลยุทธ์การตลาดเน้นนำสิ้นค้าพร้อมขายและพร้อมโอนกรรมสิทธิ์มากระตุ้นการขายด้วยโปรโมชั่นต่างๆ ซึ่งลูกค้ากลุ่มที่มีความพร้อมและต้องการซื้อที่อยู่อาศัยอยู่แล้วในช่วงที่ผ่านมา จึงมองเป็นโอกาสที่เหมาะสม ที่จะได้ที่อยู่อาศัยที่ต้องการในราคาที่ดี

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มลูกค้าที่เคยสนใจซื้อคอนโดมิเนียม เปลี่ยนการตัดสินใจมาซื้อทาวน์โฮมมากขึ้นหลังจากวิกฤตโควิด 19 ระบาดและหลายบริษัทให้พนักงานหยุดอยู่บ้านโดยไม่ต้องมาทำงาน และ Work from home เพื่อความคุ้มค่าและได้มีพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นและการตอบโจทย์การใช้งานได้มากกว่า จึงตัดสินใจซื้อ

“ช่วงที่ผ่านมา กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่คิดว่าราคารวมถึงโปรโมชั่นอื่นๆ ที่โครงการเสมอมายังสามารถต่อรองและเจรจาได้ จึงส่งผลให้เราเห็นภาพกลุ่มลูกค้าให้ความสนใจแนวราบเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และหลายโครงการสามารถปิดยอดการขายได้เกินจากเป้าที่วางไว้”

แต่อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มยอดขายเพิ่มขึ้นในปีนี้มีเพียงแค่ผู้ประกอบการบางรายเท่านั้น ซึ่งพบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงยืดเป้าเดิมที่เคยวางไว้ในช่วงต้นปีหรือมีการปรับแผนลดการเปิดตัวโครงการใหม่ รวมถึงปรับลดเป้ายอดขายลงจากที่เคยวางไว้ในช่วงต้นปี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด 19 ในช่วงที่ผ่านมา

จากการสำรวจพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานครในช่วงที่ผ่านมาพบว่า ทาวน์เฮ้าส์ ยังเป็นตลาดที่ทั้งผู้ประกอบการและกลุ่มผู้ซื้อให้ความสนใจ และมีแนวโน้มที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเติบโตทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทานที่สอดคล้องกัน โดยเฉพาะในช่วงระดับราคา 3,000,001 – 5,000,000 ล้านบาท เป็นช่วงระดับราคาที่ผู้ประกอบการสนใจพัฒนาทาวเฮ้าส์ในเขตกรุงเทพมหานครเป็นอย่างมาก ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของตลาดทาวเฮ้าส์ในเขตกรุงเทพมหานคร คือกลุ่มคนในวัยทำงาน และครอบครัวที่ต้องการพื้นที่มากกว่าคอนโดมิเนียม แต่เนื่องจากปัจจัยของราคาที่ดินในเขตกรุงเทพมหานครที่มีการปรับตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจจะส่งผลให้ราคาของทาวเฮ้าส์จะมีการปรับราคาขึ้นอีกเช่นเดียวกันในอนาคต

สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปี แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย คาดการณ์ว่า ผู้ประกอบการจะยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ตามแผนเดิมที่เคยวางไว้ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา เชียงใหม่ เชียงราย รวมถึงจังหวัดใหม่ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าต่อไป โดยเฉพาะตลาดทาวน์เฮ้าส์ซึ่งจะกลับมาเป็นดาวเด่นของตลาดอีกครั้ง

ด้านอุปทานทาวน์เฮ้าส์ ณ สิ้นครึ่งแรก ปี 2563 ในเขตกรุงเทพมหานคร มีอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดประมาณ 34,455 ยูนิต ขายไปแล้วประมาณ 24,297 ยูนิต เหลือขายประมาณ 10,158 ยูนิต ซึ่งประมาณ 70% ของหน่วยที่อยู่ระหว่างการขายอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครโซนตะวันออก โดยเฉพาะในเขต คลองสามวา สายไหม และ ลาดกระบัง ส่วนพื้นที่ในโซนกรุงเทพตะวันตกปัจจุบันมีทาวเฮาส์ที่อยู่ระหว่างการขายประมาณ 30% ของอุปทาน ที่อยู่ระหว่างการขายในเขตกรุงเทพมหานคร โนเฉพาะในเขต บางขุนเทียน และทวีวัฒนา

หากจำแนกตามระดับราคา จากการสำรวจพบว่า ทาวน์เฮ้าส์ในระดับราคา 3,000,001 – 5,000,000 บาท เป็นระดับราคาที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจและพัฒนามากที่สุด ซึ่ง ณ สิ้นครึ่งแรก ปีพ.ศ. 2563 ทาวน์เฮ้าส์ในระดับราคา 3,000,001 – 5,000,000 ล้านบาทในเขตกรุงเทพมหานครมีอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดประมาณ 10,902 ยูนิต ขายไปแล้ว 7,099 ยูนิต หรือประมาณ 65% เหลือขายประมาณ 3,800 ยูนิต หรือประมาณ 35% รองลงมาคือระดับราคา 2,500,001 – 3,000,000 ล้านบาท ที่มีอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายประมาณ 9,371 ยูนิต ขายไปแล้วประมาณ 6,387 ยูนิต หรือประมาณ 68% และเหลือขายประมาณ 2,984 ยูนิต หรือประมาณ 32% ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานครไม่มีทาวน์เฮาส์ที่ระดับราคาขายต่ำกว่า 1 ล้านบาทพัฒนา เนื่องจากราคาที่ดินที่ค่อนข้างสูง ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการไม่สามารถพัฒนาทาวเฮ้าส์ในระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทในเขตกรุงเทพมหานครได้ แต่ระดับราคาที่ขายดีที่สุดในเขตกรุงเทพมหานครคือ ในช่วงระดับราคา 2,000,001 – 3,000,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน มีหน่วยขายทั้งหมดประมาณ 3,097 หน่วย ขายไปแล้วประมาณ 2,600 หน่วยหรือประมาณ 84% เหลือขายประมาณ 496 ยูนิต หรือประมาณ 16% เท่านั้น

นายภัทรชัยกล่าวต่อไปถึงภาพรวมของตลาดทาวเฮ้าส์ในเขตกรุงเทพมหานครในปีนี้คาดการณ์ว่า ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ทั้ง บมจ. แสนสิริ ที่หันมาสนใจในการพัฒนาทาวน์เฮ้าส์ในช่วงราคา 2-4 ล้านบาท ออกสู่ตลาด และได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างมาก บมจ. เอพี ( ไทยแลนด์ ) ก็ยังคงพัฒนาทาวน์เฮ้าส์ในระดับราคา 4-6 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์บ้านกลางเมืองอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้ประกอบการหลักในตลาดทาวน์เฮ้าส์ในเขตกรุงเทพมหานครก็ยังคงเป็น บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท ที่ยังคงพัฒนาทาวน์เฮ้าส์ในระดับราคา 1.5-4 ล้านบาทออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

แต่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพบว่ามีอีก 1 ผู้ประกอบการที่พัฒนาทาวน์เฮ้าส์ในเขตกรุงเทพมหานครและมาแรงเป็นอย่างมาก คือ บมจ. แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ ภายใต้แบรนด์ โกลเด้น ทาวน์ ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างมาก บางโครงการสามารถปิดการขายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมง เท่านั้น ด้วยรูปแบบโครงการ และ ทำเลที่น่าสนใจ บวกกับราคาขายที่ไม่สูงมาก จึงส่งผลให้เป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากของกลุ่มลูกค้าในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทางบมจ. แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ ก็ยังคงสนใจและพัฒนาทาวน์เฮ้าส์ในช่วงราคา 1.5-4 ล้านบาทออกมาอย่างต่อเนื่องในปีนี้

อุปทานทาวนเฮ้าส์ที่อยู่ระหว่างการขายในเขตกรุงเทพมหานคร จำแนกตามระดับราคา

อุปทานทาวนเฮ้าส์ที่อยู่ระหว่างการขายในเขตกรุงเทพมหานคร ณ สิ้นครึ่งแรก ปีพ.ศ. 2563